Social Icons

วันเสาร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

นักโภชนาการ ชี้ ผลเสียมหาศาล หลัง แอน อังคณา งดแป้งนาน 20 ปี

แอน อังคณา

          นักโภชนาการ เผย แอน อังคณา ทิมดี งดแป้งเป็นระยะเวลานาน ส่งผลแย่ต่อร่างกาย ทำให้เชื้อโรคจู่โจมง่าย ร่างกายซูบผอม กล้ามเนื้ออ่อนแรง ความจำแย่ แนะควรทานอาหารให้ครบ 5 หมู่แต่พออิ่มดีที่สุด

          จากกรณี แอน อังคณา ทิมดี อดีตเซ็กซี่สตาร์ชื่อดัง เกิดล้มป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งภายหลังทราบว่ามีภาวะโรคติดเชื้อ ตับอักเสบ ท้องบวม ร่างกายซูบผอม โดยคาดว่าสาเหตุมาจากการงดรับประทานแป้งนานนับ 20 ปีนั้น [อ่านข่าว แอน อังคณา ป่วย ทั้งหมด คลิก]
          ล่าสุด (20 ธันวาคม 2559) เดลินิวส์ออนไลน์ ได้สอบถามเรื่องดังกล่าวไปยัง น.ส.จารุวรรณ ลิ้มสัจจะสกุล ผู้อำนวยการสำนักคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยให้ข้อมูลว่า หากคนเราไม่รับประทานอาหารจะเกิดอาการ "ภาวะทุพโภชนาการ (malnutrition)" คือ ร่างกายจะมีภาวะโภชนาการไม่ถูกต้อง ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ หรือมากเกินความต้องการ ทำให้เชื้อโรคจู่โจมง่าย, ภูมิคุ้มกันก็จะบกพร่อง ประกอบกับการทำงานของดาราจะถ่ายงานเช้าและเลิกดึกไม่ก็สว่าง เมื่อไม่ทานอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตเป็นระยะเวลานาน ร่างกายจะดึงไขมันที่สะสมตามส่วนต่าง ๆ มาใช้ ทำให้ร่างกายซูบผอม กล้ามเนื้ออ่อนแรง จึงแนะนำให้ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และทานพออิ่ม

          ด้าน พญ.วรรณวิพุธ สรรพสิทธิ์วงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านการแพทย์และแพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัย ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า คนที่รักสวยรักงาม ไม่ทานแป้ง จะทำให้ร่างกายผลิตกลูต้าไธโอนได้น้อยลง ทำให้เชื้อไวรัสหรือสารพิษต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น และร่างกายจะดึงโปรตีนและไขมันมาใช้ทำให้เกิดสภาวะเลือดเป็นกรด ระบบไตทำงานหนัก ทำให้เซลล์มะเร็งเติบโต และสมองไม่แจ่มใส ความจำแย่ เนื่องจากคาร์โบไฮเดรตจะเกี่ยวเนื่องกับทุกส่วนของร่างกาย จึงควรกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ แต่หากปริมาณคาร์โบไฮเดรตในร่างกายมีมากเกิน ร่างกายจะเปลี่ยนให้อยู่ในรูปของไกลโคเจนเพื่อเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉิน แต่ถ้ายังเหลือมากเกินไปจะเปลี่ยนเป็นไขมันไปสะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย


          นอกจากนี้ พญ.วรรณวิพุธ แนะนำด้วยว่า การไม่ทานแป้งไม่ได้ทำให้ผอมเสมอไปและยังทำให้ร่างกายได้รับผลกระทบ ส่วนที่เห็นว่าคนลดแป้งแล้วผอมหุ่นนางแบบนั้น จริง ๆ แล้วน้ำหนักที่ลดลงไปคือน้ำหนักของกล้ามเนื้อและน้ำในร่างกายที่หายไปกับการดึงไขมันและโปรตีนมาใช้ 

อัพเดทข่าว แอน อังคณา ทิมดี ทั้งหมด

ภาพจาก Instagram helenpavara401 
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

ด้วงก้นกระดก ระบาดชุมพร ด.ช. 11 ขวบ โดนพิษจนฉี่ไม่ออก-บวมพุพอง

ด้วงก้นกระดก

          ผู้ว่าฯ ชุมพร สั่งสาธารณสุขจังหวัดแจ้งเตือนประชาชนให้ระวัง ด้วงก้นกระดก แพร่ระบาดหนักใน 5 อำเภอ หลังเด็กชาย 11 ขวบ ถูกพิษเข้าที่อวัยวะเพศ ทำให้ฉี่ไม่ออกและมีอาการบวมพุพอง

          เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2559 มีรายงานว่า นายณรงค์ พลละเอียด ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าเยี่ยมอาการของเด็กชายชินจัง (นามสมมติ) อายุ 11 ขวบ ที่ถูกพิษจากด้วงก้นกระดกกัดที่บริเวณอัณฑะ จนมีอาการหนักถึงขั้นปัสสาวะไม่ออก และเกิดแผลพุพอง บวม อีกด้วย
          โดยแม่ของเด็กชายชินจัง เล่าว่า ในคืนวันที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา ในขณะที่ลูกชายกำลังนอนในห้องนอน ซึ่งเปิดไฟนีออนไว้พบว่ามีด้วงก้นกระดกบินเข้ามาเล่นไฟนีออนที่มีแสงสีขาวแล้วหล่นลงมาโดนตัวลูกชาย แมลงไต่ไปที่อวัยวะเพศ ลูกชายจึงเอามือปัด ทำให้แมลงปล่อยพิษออกมา ลูกชายเอามือที่โดนพิษของแมลงมาขยี้ที่เปลือกตาด้วย วันต่อมาจึงเริ่มมีอาการปวดแสบปวดร้อน ผิวหนังที่อัณฑะและที่ปลายอวัยวะเพศบวมเป็นตุ่มน้ำขนาดใหญ่ ที่เปลือกตาด้านซ้ายมีอาการแสบร้อน จึงเอายาแก้แพ้ทาให้ แต่อาการไม่ดีขึ้น ถึงขั้นมีอาการปัสสาวะไม่ออก จึงนำส่งโรงพยาบาลให้แพทย์ทำการรักษา ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว

ด้วงก้นกระดก

          ด้านนายณรงค์ กล่าวว่า ตนได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามเฝ้าระวังการระบาดของด้วงก้นกระดกในจังหวัดชุมพรอย่างใกล้ชิด เนื่องจากในช่วงปลายฝนต้นหนาว ด้วงก้นกระดกจะมีจำนวนมาก โดยเฉพาะใน 5 อำเภอ ได้แก่ เมืองชุมพร, ปะทิว, สวี, ทุ่งตะโก และหลังสวน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอำเภอที่เกิดน้ำท่วม คาดว่าน้ำน่าจะไปท่วมรังของแมลงที่อยู่ใต้ดิน จึงต้องออกมาอาศัยบนต้นไม้และตามบ้านเรือน

          ทั้งนี้ นางเดือนเพ็ญ เคี่ยนบุ้น สาธารณสุขอำเภอสวี เผยว่า ด้วงก้นกระดกตัวเล็กประมาณ 7 มิลลิเมตร สีดำสลับน้ำตาล มีพิษเป็นกรดชนิดหนึ่ง เมื่อโดนแล้วจะมีอาการปวดแสบ และทำให้เกิดตุ่มพุพอง หากคนที่แพ้จะมีอาการมาก แต่ถ้าไม่แพ้จะมีอาการเล็กน้อย

ด้วงก้นกระดก

          สำหรับวิธีแก้เบื้องต้นเมื่อโดนพิษด้วงก้นกระดก ให้นำน้ำสะอาดล้าง หรือล้างด้วยสบู่ ล้างบริเวณผิวหนังที่ได้รับพิษ ห้ามขยี้หรือเกา เพราะจะทำให้พิษขยายวงกว้าง พิษจะเริ่มออกอาการหลังจากโดนแล้ว ประมาณ 3-4 ชั่วโมง ถ้าผู้ที่ได้รับพิษมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน อาการจะหนักขึ้น โดยแมลงจะอาศัยตามกองขยะ กองหญ้า ชอบเล่นแสงสีขาว เช่น ไฟนีออน สามารถใช้สเปรย์ป้องกันแมลงฉีดพ่นได้ แต่อย่าโดนตัวแมลง

ภาพและข้อมูลจาก 

ประกันสังคม ทำฟันฟรีเพิ่มเป็น 900 บาท ไม่ต้องสำรองจ่าย ดีเดย์ 1 ม.ค. 2560


          สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ประกาศเพิ่มเติมสิทธิการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคของผู้ประกันตน เริ่มใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560   
    
          เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2559 สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ได้ประกาศเพิ่มเติมสิทธิการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคของผู้ประกันตน ได้แก่ สิทธิได้รับการตรวจร่างกายในโรงพยาบาลตามสิทธิฯ และตามเกณฑ์อายุของผู้ประกันตน เช่น คัดกรองการได้ยิน ใช้สิทธิได้ตั้งแต่อายุ 15 ปี, การตรวจตา, การตรวจเต้านม เป็นต้น
          สำหรับสิทธิที่เพิ่มเติมคือ การเพิ่มค่าทันตกรรมเป็น 900 บาทต่อปี จากเดิม 600 บาทต่อปี โดยผู้ประกันตนสามารถถอนฟัน, อุดฟัน, ขูดหินปูน และผ่าฟันคุด ในอัตราเท่าที่จ่ายจริงไม่เกินราคากลางที่กำหนดและไม่เกิน 900 บาทต่อรายต่อปี โดยไม่ต้องสำรองจ่าย 

          ทั้งนี้ ผู้ประกันตนจะสามารถใชสิทธิ์ดังกล่าวที่คลินิกที่มีสัญลักษณ์สำนักงานประกันสังคม ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 ส่วนในโรงพยาบาลรัฐจะเริ่มวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 
          นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการคืนสภาพการเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 ให้กับผู้ประกันตนที่ลืมส่งเงินเข้ากองทุน จนทำให้ขาดสิทธิจากกองทุนอีกด้วย  



ภาพจาก Thai PBS News
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

เตือนภัยช่วงตรุษจีน พบ ส้ม ผลไม้มงคลมีสารพิษตกค้างมากที่สุด 9 ชนิด

ผลไม้
         กระทรวงสาธารณสุข เผยข้อมูลการสุ่มตรวจสารตกค้างในผักและผลไม้สด พบ ส้ม-พริก ครองแชมป์มีสารตกค้างมากที่สุด 9 ชนิด รองลงมาได้แก่ แก้วมังกร ฝรั่ง คะน้า ผักกาดขาว

         วันที่ 25 มกราคม 2560 จากการประชุมแก้ไขปัญหาการตกค้างของสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชในผักสดและผลไม้สด มีการเปิดเผยข้อมูลจากการสุ่มตรวจผักและผลไม้จากตลาดค้าส่งของไทย ช่วงวันที่ 14 ธันวาคม 2559-5 มกราคม 2560 ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่า ผลไม้สดที่มีสารพิษตกค้างหลายชนิด ได้แก่ ส้ม พบสารพิษ 9 ชนิด รองลงมาคือ แก้วมังกรและฝรั่ง พบสารพิษ 2 ชนิด ส่วน มะม่วงและมะละกอ พบสารพิษ 1 ชนิด

         ส่วนการสุ่มตรวจสารพิษตกค้างในผักสด พบว่า พริก มีสารพิษตกค้าง 9 ชนิด รองลงมาคือ ผักคะน้า พบสารพิษ 4 ชนิด และผัดกาดขาวพบสารพิษ 1 ชนิด
         ทั้งนี้แม้ว่าการสุ่มตรวจดังกล่าวจะพบว่า มีผลไม้ ร้อยละ 59 ตรวจไม่พบและไม่เกินค่ากำหนดในประกาศกระทรวงสาธารณสุข 2554 และมาตรฐานโคเด็กซ์ (Codex) แต่ก็ยังมีผลไม้สดที่พบสารตกค้างมากกว่าร้อยละ 50 ได้แก่ ส้ม, แก้วมังกร, ชมพู่ และลำไย โดยชนิดสารตกค้างที่มีอัตราการตรวจพบในผลไม้สดสูง คือ carbendazim ร้อยละ 34 และ cypermethrin ร้อยละ 23 ซึ่งเป็นสารที่ไม่ดูดซึมและพบในส้มที่เป็นผลไม้มงคลนิยมให้กันในช่วงเทศกาลตรุษจีนมากที่สุด

         ดังนั้นก่อนรับประทานควรล้างด้วยการแช่น้ำในตะกร้าหรือตะแกรงโปร่ง และเปิดน้ำไหลความแรงพอประมาณ โดยระหว่างล้างให้ใช้มือถูไปมาบนผิวส้ม ประมาณ 2 นาที ส่วนผัก ควรแกะกลีบออกจากต้น คลี่ใบออก และนำมาแช่ล้างเช่นเดียวกับการล้างผลไม้

ผลไม้

ผลไม้

ผลไม้



ภาพและข้อมูลจาก news.thaipbs.or.th

โฆษกกรมสุขภาพจิต เผย โรคอยากขโมยมีจริง มาดูวิธีเช็กอาการ

โรคอยากขโมยของ

          โฆษกกรมสุขภาพจิต เผย โรคอยากขโมยมีจริง ชี้ ต้องตรวจรองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาอีกครั้งว่าป่วยเป็นโรคนี้หรือไม่ หรือสาเหตุการขโมยที่ญี่ปุ่นเกิดจากอะไร

          จากกรณีที่ นายสุภัฒ สงวนดีกุล รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ถูกจับกุมตัวที่ญี่ปุ่น หลังจากที่มีการตั้งข้อสงสัยว่านายสุภัฒขโมยภาพวาดที่แขวนไว้ตรงทางเดินของโรงแรม (อ่านข่าว : ตำรวจญี่ปุ่น จับรองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาของไทย ขโมยภาพวาดในโรงแรม)
          ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2560 นพ.อภิชาติ จริยาวิลาศ จิตแพทย์และโฆษกกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า เหตุการณ์ที่ขโมยนั้นต้องตรวจสอบถึงสาเหตุรายบุคคลว่าเกิดจากอะไร เกิดจากภาวะสมองเสื่อมในวัยที่สูงอายุหรือไม่ เพราะจะเข้าใจว่าเป็นของของตัวเอง หรือว่าอาจเป็นโรคที่มีปัญหาในการควบคุมการขโมย หรือโรคอยากขโมย (Kleptomania) โดยสาเหตุนั้นเกิดจากการทำงานของสารในสมองผิดปกติ

          สำหรับอาการของบุคคลเหล่านี้จะเกิดทันทีเมื่อเห็นของที่อยากได้ และจะรู้สึกทรมานใจหากไม่ได้เอาไป ซึ่งอาจจะเอาไปแล้วนำมาคืนหรือเอามาเป็นของตัวก็ได้ อย่างไรก็ตาม จะแตกต่างจากคนที่มีนิสัยชอบขโมย เพราะคนเหล่านั้นจะมีการวางแผนล่วงหน้าและขโมยของเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ต่อตัวเอง เช่น ขายหาเงิน เป็นต้น
          
          ส่วนการสังเกตและป้องกันไม่ให้เกิดพฤติกรรมนี้ คือ ถ้ามีความอยากได้ของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่รับรู้เพียงครั้งเดียว ต้องไม่ลงมือทำ และไปพบจิตแพทย์หรือบุคคลใกล้ชิดที่ไว้ใจได้ ส่วนทางคนที่ใกล้ชิดก็ต้องไม่ต่อว่าซ้ำเติม ต้องชื่นชมที่กล้าบอกปัญหานี้ และหาแนวทางแก้ไขต่อไป

          สำหรับวิธีการรักษานั้น อาจจะมีการใช้ยาเพื่อสร้างความสมดุลของสารในสมอง ลดความกังวล และใช้พฤติกรรมบำบัด นอกจากนี้ยังมีการเลี่ยงไม่ไปสถานที่ที่ชอบไปก่อพฤติกรรมหยิบของผู้อื่น เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า เป็นต้น

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

ไข้เลือดออกระบาด หลังน้ำท่วมเกาะสมุย พบหนุ่มวัย 19 เสียชีวิตคนแรก

ไข้เลือดออกระบาด หลังน้ำท่วมเกาะสมุย พบหนุ่มวัย 19 เสียชีวิตคนแรก
          หนุ่มวัย 19 ปี เสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออกคนแรกในพื้นที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี หลังมีท่วมขังในพื้นที่ภาคใต้ ด้านแพทย์ยังไม่ฟันธงเป็นสายพันธุ์ใหม่หรือไม่ พร้อมจี้ภาครัฐช่วยกันป้องกันมากกว่ารักษา

          วันที่ 30 มกราคม 2560 มีรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออก หลังมีฝนตกต่อเนื่องและน้ำท่วมขังหลายพื้นที่ในภาคใต้ ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายธนธรณ์ มนต์พิพัฒน์ อายุ 19 ปี ซึ่งเป็นผู้ป่วยรายแรกของเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ที่ป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2560 และได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเกาะสมุย ก่อนจะเสียชีวิตเมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา
ไข้เลือดออกระบาด หลังน้ำท่วมเกาะสมุย พบหนุ่มวัย 19 เสียชีวิตคนแรก

          ทั้งนี้พ่อและแม่ของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ตนเองมีลูกชายฝาแฝด ซึ่งทั้งคู่ป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกอาการสาหัสทั้งสองคน จึงอยากให้ทุกคนช่วยกันกำจัดยุงลาย และรณรงค์ให้ทุกครอบครัวตระหนักถึงโรคไข้เลือดออกเพราะเป็นโรคที่อันตรายถึงชีวิต

          ด้านนายแพทย์ธีระศักดิ์ วิริยานนท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเกาะสมุย กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีฝาแฝดคนพี่ได้เข้ามารับการรักษาด้วยโรคไข้เลือดออก ซึ่งทางทีมแพทย์ได้ให้การรักษาจนหาย ต่อมาแฝดคนน้องได้ถูกส่งตัวเข้ามารับการรักษาด้วยโรคเดียวกันแต่อาการหนักกว่าเดิม โดยแพทย์ได้พยายามรักษาเต็มที่ แต่ไม่สามารถรักษาชีวิตผู้ป่วยไว้ได้

ไข้เลือดออกระบาด หลังน้ำท่วมเกาะสมุย พบหนุ่มวัย 19 เสียชีวิตคนแรก

          ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเกาะสมุย กล่าวต่อว่า อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันป้องกันมากกว่ารักษาเพราะเมื่อป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต และกรณีที่มีผู้ป่วยเสียชีวิตดังกล่าวนั้นทางโรงพยาบาลยังไม่ได้วิเคราะห์ว่าเป็นสายพันธุ์ใหม่หรือไม่ โดยส่วนใหญ่โรคไข้เลือดออกที่ระบาดในพื้นที่เกาะสมุยนั้นเป็นสายพันธุ์เดิม ๆ ที่มีอยู่แต่ความรุนแรงของเชื้อจะแตกต่างกัน   


ภาพและข้อมูลจาก 

สาธิตจุฬาฯ ประกาศหยุดเรียน 2 วัน เหตุพบเด็กป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A

สาธิตจุฬาฯ ประกาศหยุดเรียน 2 วัน
         โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายประถม ประกาศหยุดเรียน ตั้งแต่วันที่ 6-7 กุมภาพันธ์ เพื่อเฝ้าระวังการแพร่เชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ เอ หลังพบมีเด็กป่วย

         วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2560 มีรายงานว่า โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายประถม ประกาศแจ้งหยุดเรียน ตั้งแต่วันที่ 6-7 กุมภาพันธ์ 2560 เนื่องจากพบมีการระบาดของไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ เอ จึงขอความร่วมมือให้นักเรียนที่ป่วยเข้าพบแพทย์เพื่อพักรักษาอาการ พร้อมฝากเตือนไปยังผู้ปกครองให้สังเกตบุตรหลาน หากพบมีความผิดปกติให้ส่งตัวพบแพทย์ตรวจดูอาการทันที
สาธิตจุฬาฯ ประกาศหยุดเรียน 2 วัน

         ทั้งนี้ โรงเรียนสาธิตจุฬาฯ ได้มีการออกหนังสือประกาศแจ้งตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ระบุว่า ขณะนี้พบการระบาดของไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ เอ ในโรงเรียนสาธิตจุฬาฯ ฝ่ายประถม ในบางห้องเรียน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น ทางโรงเรียนได้ดำเนินการป้องกันและเฝ้าระวังในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นในสัปดาห์นี้ จึงจำเป็นต้องเพิ่มความเข้มข้นของการป้องกันและเฝ้าระวัง


ภาพและข้อมูลจาก
 , satitchula

เตือนคนนอนน้อย อาจารย์แชร์ประสบการณ์ตรง เป็นโรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีก

เตือนคนนอนน้อย ! อาจารย์แชร์ประสบการณ์ตรง เป็นโรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีก
          อาจารย์หนุ่มสอนเต้นบัลเลต์ โพสต์เตือนคนนอนน้อย-เครียด เสี่ยงเป็นโรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก หลังเจอกับตัวเอง อ้าปากไม่ได้ ดื่มน้ำแล้วน้ำไหล พูดไม่ชัด ตาหลับไม่สนิท ทั้งที่ออกกำลังกายเป็นประจำ

          จากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Ake Peera Phanlukthao โพสต์ข้อความเตือนภัย โดยระบุว่า ตนเองป่วยเป็นโรค Bell's Palsy หรือใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก หรืออัมพาตครึ่งซีกที่ใบหน้า คือ ใบหน้าทั้งสองข้างอ่อนล้า โดยเฉพาะใบหน้าข้างขวา ไม่สามารถดื่มน้ำได้เพราะน้ำจะไหลออกมาจากปาก พูดไม่ชัด โดยมีสาเหตุมาจากการพักผ่อนน้อย นอนเพียงแค่วันละ 3-4 ชั่วโมง และเครียดจากการสอน จนกลายเป็นเรื่องที่โลกออนไลน์ให้ความสนใจอย่างมากนั้น
เตือนคนนอนน้อย ! อาจารย์แชร์ประสบการณ์ตรง เป็นโรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีก

          ล่าสุด (16 กุมภาพันธ์ 2560) รายการทุบโต๊ะข่าว ทางช่อง AMARIN TV รายงานว่า ดร.พีระ พันลูกท้าว อาจารย์ประจำภาควิชาศิลปะการแสดง คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม กล่าวว่า แพทย์ได้วินิจฉัยว่าตนป่วยเป็นโรค Bell’s Palsy หรือใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก และได้ยาสเตียรอยด์มารับประทาน พร้อมกับมีการกระตุ้นใบหน้าด้วยไฟฟ้า ซึ่งแพทย์บอกว่า สาเหตุเกิดมาจากตนพักผ่อนน้อยและภูมิต้านทานต่ำ ทั้งที่ตนเป็นครูสอนเต้นบัลเลต์ ทำให้ได้ออกกำลังกายเป็นประจำมองดูมีสุขภาพแข็งแรง แต่ตอนนี้อาการดีขึ้นแล้ว

          ดร.พีระ กล่าวต่อว่า อยากฝากถึงทุกคนให้หมั่นพักผ่อนให้เพียงพอและพยายามไม่เครียด เพราะขนาดตนที่ออกกำลังกายยังเป็นโรคนี้ได้เลย และสิ่งที่ทรมานที่สุดคือเวลานอนจะหลับตาไม่สนิททำให้ลมพัดเข้าตา รวมทั้งยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

เตือนคนนอนน้อย ! อาจารย์แชร์ประสบการณ์ตรง เป็นโรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีก

          นอกจากนี้มีรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับคนที่มีอาการในลักษณะดังกล่าวควรรีบไปพบแพทย์และรับประทานยา เนื่องจากโรคนี้สามารถหายเองได้แต่ต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน   




ภาพและข้อมูลจาก รายการทุบโต๊ะข่าว AMARIN TV

แพทย์ฉุกเฉินอึ้ง เจอสาวโผล่ขอความช่วยเหลือ พร้อมงูหลามน้อยห้อยคาหู

แพทย์ฉุกเฉินอึ้ง เจอสาวโผล่ขอความช่วยเหลือ พร้อมงูหลามน้อยห้อยคาหู

       แพทย์ฉุกเฉินอึ้ง เจอสาวโผล่ขอความช่วยเหลือ พร้อมงูหลามน้อยห้อยคาหู เผยงูนึกสนุกอยากมุดรูที่ติ่งหูเล่น แต่ไม่คิดว่าจะตัวติดแหง็ก เพราะตัวอ้วนเกินไป 
       อย่างที่เราทราบกันดีว่าห้องฉุกเฉินนั้นคงจะเป็นสถานที่รวมกรณีอุบัติเหตุสุดพิลึกไว้ ให้เหล่าแพทย์และพยาบาลต้องหาสารพัดวิธีมาช่วยเหลือคนไข้จากสถานการณ์ต่าง ๆ แต่เชื่อได้เลยว่าภาพที่เราจะได้เห็นต่อไปนี้คงเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นบ่อยนัก เมื่ออยู่ ๆ สาวรายหนึ่งก็โผล่มาที่ห้องฉุกเฉิน พร้อมกับงูน้อยแสนรักที่ห้อยอยู่คาติ่งหูของเธอ 



       โดยรายงานจากเว็บไซต์เดลี่เมล เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2560 เผยว่า แอชลีย์ กลอว์ หญิงสาวจากพอร์ตแลนด์ รัฐออริกอน ในสหรัฐฯ กำลังเล่นอยู่กับ เจ้าบาร์ต งูหลามบอลตัวน้อยของเธออยู่ที่บ้าน ก่อนที่เจ้างูแสนซนตัวนี้จะสังเกตเห็นช่องว่างขนาดใหญ่ อันเกิดจากห่วงที่สาวคนนี้ใส่ไว้ตอนเจาะติ่งหู แล้วมันก็ตัดสินใจว่าอยากจะลองเลื้อยผ่านรูนั้นดูบ้าง

       แต่ดูเหมือนว่าตัวของมันจะใหญ่เกินไปสักหน่อย เพราะหลังมุดผ่านไปได้เกือบครึ่งตัว เจ้าบาร์ตก็มีอันต้องติดอยู่คารูที่ติ่งหูของเจ้านายมัน ทำเอาช็อกกันไปทั้งคู่ หลังจากหมดหนทางในการดึงมันออกมาด้วยตัวเองแล้ว แอชลีย์ก็จำต้องรีบเดินทางไปขอความช่วยเหลือที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล

แพทย์ฉุกเฉินอึ้ง เจอสาวโผล่ขอความช่วยเหลือ พร้อมงูหลามน้อยห้อยคาหู

       "นี่เป็นเหตุการณ์ที่บ้าบอที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตฉันเลย ต้องมาห้องฉุกเฉินเพราะงูหลามบอลดันเข้าไปติดที่ติ่งหูของฉัน มันเกิดขึ้นเร็วมากเลย กว่าฉันจะรู้ตัวว่ามันอยู่ตรงนั้นก็สายไปซะแล้ว" แอชลีย์ โพสต์ในเฟซบุ๊ก พร้อมกับลงภาพของตัวเองและเจ้าบาร์ต ขณะรอแพทย์ในห้องฉุกเฉิน 


       ทั้งนี้หลังจากที่เธอโพสต์ภาพดังกล่าวไป ก็ได้มีชาวเน็ตจำนวนมากที่แชร์ภาพดังกล่าวออกไป ในฐานะข่าวแปลกแห่งปี อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่กำลังเป็นห่วงสวัสดิภาพของเจ้าบาร์ต ก็ขอให้วางใจได้ เพราะทีมแพทย์ได้จัดการให้ยาชาที่หูของแอชลีย์ ก่อนจะค่อย ๆ เอาอุปกรณ์มาดึงตัวเจ้าบาร์ตออกจากรู เอาเป็นว่าปลอดภัยไร้เจ็บกันทั้งคนทั้งงู

แพทย์ฉุกเฉินอึ้ง เจอสาวโผล่ขอความช่วยเหลือ พร้อมงูหลามน้อยห้อยคาหู

       ในขณะที่เพื่อนของแอชลีย์ต่างก็ขำกลิ้งเมื่อได้ทราบเรื่อง โดยเพื่อนคนหนึ่งของเธอยังได้ส่งรูปของตัวเองที่เอางูไม้ของเล่นมาคล้องไว้กับต่างหูวงขนาดใหญ่ เพื่อล้อภาพของแอชลีย์ที่มีงูน้อยติดอยู่คาหูอีกด้วย 


ภาพจาก เฟซบุ๊ก Ashley Glawe 

เตือน ! สาวประเภทสองเสริมหน้าอก แพ้ยาสลบดับ แถมโพสต์สุดท้ายเป็นลาง

          เตือน ! สาวประเภทสองทำศัลยกรรมเสริมหน้าอก แพ้ยาสลบดับ แถมโพสต์สุดท้ายยังโพสต์เป็นลาง
          เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2560 เฟซบุ๊ก อีจัน ได้มีการโพสต์เรื่องราวของ สาวประเภทสองรายหนึ่ง ซึ่งได้เข้าเสริมหน้าอกที่คลินิก แต่ว่าแพ้ยาสลบ ทำให้เสียชีวิต โดยที่ค่าใช้จ่ายในการทำหน้าอกนี้อยู่ที่ 54,000 บาท ขณะเดียวกัน โพสต์สุดท้ายในเฟซบุ๊กของเธอนั้นก็มีการโพสต์เป็นลางว่า คุ้มครองลูกช้างด้วย
          ทั้งนี้ เพจดังกล่าวยังเตือนว่า ก่อนที่จะศัลยกรรมอะไร ควรหาคลินิกที่ไว้ใจได้ และตรวจสุขภาพก่อนทุกครั้ง



แอพแรกที่คุณเลือก คลิปที่เกี่ยวข้อง พัทยาเมื่อคืนที่ผ่านมา คู่วัยรุ่นมีเซ็กส์กันกลางชายหาด 10 อันดับ บาร์พัทยา ที่หากไปแล้วต้องห้ามพลาด ! บรรยากาศยามค่ำคืนที่ พัทยา รับประกันว่าดูแล้วต้องอยากไป แชร์สนั่น คลิปกะเทยหรือสาวประเภทสอง ชายหาดพัทยาทำร้ายนักท่องเที่ยว Motorbike Journey สัตหีบ อยากปล่อยวาง มานั่งข้างทะเล ข่าวที่เกี่ยวข้อง เรื่องน่ารู้ก่อนโดยสารเรือเฟอร์รี่พัทยา-หัวหิน หนึ่งตัวเลือกของการเดินทาง เรือเฟอร์รี่ พัทยา-หัวหิน ทดลองแล่นวันแรก ก่อนแกรนด์โอเพนนิ่ง 12 ม.ค. นักท่องเที่ยวบ่นอุบ ! เรือเฟอร์รี่พัทยา-หัวหิน มีอันสะดุด ไปได้แค่เกาะล้าน เรือเฟอร์รี่พัทยา-หัวหิน ลำแรกจอดเทียบท่าแล้ว เคาะราคา 1,250 บาท รูปภาพที่เกี่ยวข้อง เมื่อ Tim Shark มาเฟียออสซี่เที่ยวพัทยา นี่แหละที่มางามไส้ไทยแลนด์ !! พัทยาแหล่งบันเทิงของไทย ในมุมมองของชาวไต้หวัน พัทยาโดนแล้ว ! พายุ หว่ามก๋อ ถล่มพัทยา เมื่อเย็นที่ผ่านมา บรรยากาศวันแรก หลังรื้อผ้าใบออก ณ ชายหาดพัทยา สื่อดังตีข่าว ยกพัทยา เป็นเมืองหลวงแห่งการค้ากามของโลก มีโสเภณีให้เลือกสรร 27,000 ราย

ยกพัทยา เป็นเมืองหลวงแห่งการค้ากามของโลก
            สื่อนอกชื่อดังตีแผ่เมืองพัทยา ยกเป็นเมืองหลวงแห่งการค้ากามของโลก เปรียบเทียบเป็นนครแห่งบาป เปรย หากชายใดรักดีไปสวรรค์ แต่ถ้ารักชั่วนั้นให้ไปพัทยา... 

            เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2560 เว็บไซต์มิเรอร์ สื่อดังของอังกฤษ ได้นำเสนอรายงานเกี่ยวกับเมืองท่องเที่ยวชื่อดังของประเทศไทยอย่าง พัทยา ที่ฉาวกระฉ่อนไกลไปถึงระดับโลก โดยได้ระบุว่า ในแต่ละปีมีผู้ชายจำนวนมากกว่าล้านคนจากทั่วโลก เดินทางไปเที่ยวที่เมืองพัทยา อันเป็นที่รู้จักกันดีว่า เปรียบเสมือนเมืองหลวงแห่งการค้ากามของโลก ซึ่งแน่นอนว่า แต่ละคนล้วนมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน นั่นก็คือ การซื้อบริการทางเพศ

            จากรายงานเผยว่า เมืองพัทยา มีหญิงขายบริการทางเพศมากถึง 27,000 ราย ซึ่งประมาณ 1 ใน 5 ของหญิงเหล่านี้ อาศัยอยู่อย่างถาวรในพื้นที่เมืองพัทยา ซึ่งสภาพการณ์เช่นนี้ไม่ต่างอะไรไปจาก นครแฝดโซดอมและกอมเมอร์ราห์ (Sodom and Gommorah) หรือนครแห่งบาป ที่มัวเมาในความบาปและความชั่ว โดยเฉพาะความนิยมเสพกามต่าง ๆ ตามเรื่องราวที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล

ยกพัทยา เป็นเมืองหลวงแห่งการค้ากามของโลก

            นอกจากนี้ยังได้เปิดเผยว่า แหล่งท่องเที่ยวหลัก ๆ ในเมืองพัทยา ย่านโคมแดงที่ใหญ่ที่สุดของโลก อันเป็นสถานที่ในฝันของชายขาเที่ยวทั่วโลกนั้น ล้วนเต็มไปคลับบาร์ที่มีขายบริการทางเพศ และอะโกโก้บาร์ ที่มีแสงสีประดับบอกว่าด้านในมีโชว์สยิว โชว์เต้นรูดเสา เครื่องดื่มถูก ๆ และอีกมากมาย โดยที่ด้านหน้าร้านนั้น จะเต็มไปด้วยหญิงไทยนุ่งน้อยหุ่มน้อย หน้าขาวด้วยรองพื้นแน่น ๆ คอยยืนเรียงรายพร้อมยื่นข้อเสนอบริการนวดให้นักท่องเที่ยวชายที่เดินผ่านไป-มา 

            แน่นอนว่า ธุรกิจเหล่านี้เอื้อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจไทย ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนหลายล้านคนเข้าประเทศและมีเงินสะพัดมากมาย ด้านมิรเรอร์เผยว่า การค้าประเวณี เป็นเรื่องผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่กฎหมายกลับเพิกเฉยละเลย ทำให้มีซ่องเปิดบริการดาษดื่นมากมาย โดยเฉพาะแค่ที่พัทยา ก็มีบาร์เปิดให้บริการมากกว่า 1,000 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่ภายในมีห้องบริการนวด รวมไปถึงการขายบริการทางเพศ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับเข้าดำเนินตรวจสอบ เฉพาะแค่มีการร้องเรียนเรื่องหญิงสาวที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะขายบริการทางเพศ และเรื่องกระบวนการค้ามนุษย์เท่านั้น ไม่ได้จัดการเรื่องการค้าประเวณีแต่อย่างใด 

แอพแรกที่คุณเลือก คลิปที่เกี่ยวข้อง ม็อบปิดสนามบินกระบี่ ปะทะเดือดกลุ่มต่อต้าน (13 พ.ย.58) ปะทะเดือด!! ม็อบปิดสนามบิน VS ม็อบค้านปิดสนามบิน จ.กระบี่ คลิปต้นเหตุ ตำรวจไล่ล่าจับกุมจักรยานยนต์วัยรุ่น จนเกิดอุบัติเหตุ (คลิป 2) คลิปต้นเหตุ ตำรวจไล่ล่าจับกุมจักรยานยนต์วัยรุ่น จนเกิดอุบัติเหตุ ทุบโต๊ะข่าว : คสช. จ่อออกหมายจับ นศ.ดาวดิน ฐานขัดหมายเรียก ข่าวที่เกี่ยวข้อง ม็อบต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินบุกทำเนียบฯ ลั่นถ้ามีมติสร้างพร้อมยกระดับการชุมนุม บิ๊กตู่ จี้ทุกหน่วยเร่งสางปัญหาโรงไฟฟ้าถ่านหิน ย้ำทุกอย่างต้องโปร่งใส วัชระ จี้ นายกฯ สอบวินัย ผู้ว่าฯ ภาคใต้ ขู่คนต้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน อึ้ง ! บิ๊กข้าราชการใต้ ฮึ่มยิงเอ็นจีโอต้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน รูปภาพที่เกี่ยวข้อง พริตตี้สาวแปลงเป็นซานต้า ซานตี้ ประท้วงเรียกเงินค่าออกแบบ 3D มธ.เดือด นศ. ประท้วงอาจารย์ บังคับแต่งชุดนักศึกษา อั้ม เนโกะแต่งผี ประท้วงนอนตายหน้าพรรคเพื่อไทย โจชัว หว่อง แกนนำม็อบฮ่องกงวัย 17 บนนิตยสาร TIME รวบ 3 แกนนำม็อบต้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร โดนด้วย

รวบ 3 แกนนำม็อบต้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน
          ตำรวจบุกควบคุมตัวแกนนำ 3 คนกลุ่มต้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน พร้อมตรึงกำลังแน่น แนะให้ย้ายไปที่พุทธมณฑล ด้านม็อบยันไม่กลับและเตรียมยกระดับการชุมนุม
          กรณีที่เครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน มารวมตัวกันหน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อคัดค้านโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินใน จ.กระบี่ ซึ่งปักหลักมาแล้วกว่า 1 วัน และเตรียมยกระดับหลังผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติให้ดำเนินการสร้างได้

           วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2560 ผู้ชุมนุมยังคงปักหลักที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารได้ปิดกั้นพื้นที่และวางกำลังเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อย ก่อนที่ต่อมา พล.ต.ต. สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น. ได้ประกาศให้กลุ่มผู้ชุมนุม ย้ายออกจากพื้นที่ราชการ และให้เคลื่อนไปอยู่ในสถานที่จัดให้คือพุทธมณฑล
รวบ 3 แกนนำม็อบต้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน

          ทั้งนี้เกิดเหตุวุ่นวายเล็กน้อยหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้บุกเข้าควบคุมตัวแกนนำ 3 คน ได้แก่ นายประสิทธิชัย หนูนวล นายอัครเดช ฉากจินดา และ ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร โดยนำตัวออกจากพื้นที่ชุมนุมไปที่ มทบ.11 แต่ยังไม่มีความคืบหน้าเพิ่มเติม รวมถึงอาจจะมีการจับกุมเพิ่มอีกตามลำดับ
          ขณะผู้ชุมนุมยังคงมีอารมณ์ไม่พอใจหลังแกนนำถูกควบคุมตัว และยังปักหลักพร้อมยืนยันจะยกระดับการชุมนุมต่อไป 



ภาพจาก Wanchai Phutthong, ทวิตเตอร์ @iLawFX

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ผบ.ตร. เชื่อพระธัมมชโยอยู่ในวัดแค่ 20% เข้าไปแล้วไม่เจอก็ไม่แปลก

พระธัมมชโย

          รอง ผบ.ตร. รับเชื่อแค่ 20% ว่า พระธัมมชโย อยู่ธรรมกาย ด้านเจ้าคณะมั่นใจยังอยู่ไม่ออกนอกประเทศ ขณะที่ดีเอสไอขอผู้เจอเบาะแสแจ้งสายด่วน 1202 ทันที

          วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2560 พล.ต.อ. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. กล่าวในฐานะรับผิดชอบการสอบสวนคดีเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายว่า ตนพูดมาตลอดว่า มีความเชื่อแค่ 20 เปอร์เซ็นต์ว่า พระธัมมชโย อยู่ในวัด เพราะไม่มีคนพบตัวนานแล้ว การเข้าไปแล้วไม่พบตัวก็ถือว่าไม่แปลก ส่วนใครก็ตามที่ให้ข้อมูลทำนองยืนยันให้เข้าใจว่ายังอยู่ในวัด ก็ต้องดูเจตนาก่อนพิจารณาดำเนินคดี แต่เบื้องต้นยังไม่พบใครไปลงข้อความเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ หากพบก็ต้องดำเนินคดีต่อไป
          ด้าน พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวถึงการเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกาย ว่า ตนยังไม่ได้รับรายงานว่า พระธัมมชโยอยู่ในวัด แต่ก็อาจมีการเข้าค้นเพิ่มในทุกจุดที่มีการข่าวและที่เจ้าหน้าที่สงสัย ซึ่งตนเชื่อว่าพระธัมมชโย ยังอยู่ในประเทศไทยแน่นอน และถ้ามีการติดต่อขอมอบตัว ทางตำรวจก็จะให้สิทธิ์ประกันตัวอยู่แล้วเพราะมีเจตนาดี แต่ตอนนี้ยังไม่มีการติดต่อเข้ามาแต่อย่างใด

          ขณะที่พระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี กล่าวในกรณีได้เดินทางไปที่วัดพระธรรมกายว่า ในความรู้สึกเชื่อว่า พระธัมมชโย ยังอยู่ในวัดแต่ไม่ทราบว่าตรงจุดใด เนื่องจากว่าพระสังฆาธิการในฝ่ายปกครองจะเดินทางออกนอกประเทศจะต้องแจ้งให้อาตมาทราบพร้อมเซ็นหนังสือรับรองในพาสปอร์ตทุกครั้ง ซึ่งกรณีนี้ยังไม่มีเข้ามา

          ทั้งนี้พ.ต.ต. วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แถลงผลการตรวจค้นวัดพระธรรมกายตลอด 2 วันที่ผ่านมาว่า จากการค้นทุกโซนยังไม่พบ พระธัมมชโย โดยในวันนี้ (18 กุมภาพันธ์) จะตรวจค้นต่อเนื่องแต่ไม่ขอเปิดเผยจุดและจะเป็นการปฏิบัติการรอบบริเวณวัด  ขณะเดียวกันหากประชาชนมีเบาะแสข้อมูลความเคลื่อนไหวของผู้ต้องหาขอให้แจ้งสายด่วน 1202 ทันที โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ภาพและข้อมูลจาก
สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์

วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

เกมการเงิน...เกมแห่งชีวิต

หากเปรียบการเงินเป็นเกม เราสามารถแบ่งระดับความมั่งคั่งและมั่นคงทางการเงินของคนเราออกเป็นกลุ่มต่างๆ ตามเกมการเงินที่แต่ละคนเลือกเล่นได้ ดังต่อไปนี้
     1. ชีวิตขัดสน (Struggling) หมายถึง ชีวิตที่มีเงินไม่พอใช้ มีรายได้ทางเดียว รายรับน้อยกว่ารายจ่าย ใช้ชีวิตแบบ ‘เดือนชนเดือน’ หนักเข้าหน่อยก็เดือนชนครึ่งเดือน สุดท้ายต้องหยิบยืมเป็นหนี้เป็นสิน อย่าถามว่ามีทรัพย์สินหรือไม่ แค่เอาชีวิตรอดในแต่ละเดือนยังเหนื่อยเลย
     2. ชีวิตพอมีพอกิน (Surviving) หมายถึง ชีวิตที่ดูแลตัวเองได้ รายรับชนะรายจ่าย มีเหลือเก็บบ้างตามอัตภาพ มีหนี้สินบ้างเล็กน้อย แต่ก็พอมีทรัพย์สินเป็นของตัวเอง มีความคาดหวังที่จะลงทุนเพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงิน แต่ยังขาดความรู้ ทำให้ไม่กล้าที่จะเริ่ม
     3. ชีวิตพุ่งทะยาน (Striving) หมายถึง ชีวิตที่กำลังเริ่มต้นสร้างความมั่งคั่งทางการเงิน มีชีวิตที่พ้นจากปัญหารายวัน มีเกราะป้องกันความเสี่ยงในอนาคต มีความรู้ทางการเงินมากพอที่จะเริ่มต้นลงทุนเพื่อสร้างรายได้เพิ่มให้กับตัวเอง
     4. ชีวิตที่สุขสบาย (Comfortable) หมายถึง ชีวิตที่มั่งคั่ง มีพร้อมทุกสิ่งที่ต้องการ มีรายได้ส่วนใหญ่จากทรัพย์สิน มีอิสระด้านความคิดและเวลาที่จะเลือกใช้ชีวิตได้ตามต้องการ
     5. ชีวิตแบ่งปัน (Charitable) หมายถึง ชีวิตที่เพียบพร้อมและเต็มใจที่จะเผื่อแผ่แบ่งปัน และอุทิศเวลาของตนให้กับผู้คนและสังคมอันเป็นที่รัก

    ชีวิตของคุณกำลังเล่นอยู่ในเกมไหน?
    จากที่มีโอกาสไปบรรยายสัมมนาด้านการเงินหลายครั้งที่ผ่านมา ผมพบว่าคนส่วนใหญ่กำลังเล่นอยู่ในเกมการเงินระดับที่ 1 และ 2 สำหรับระดับ 3 มีอยู่จำนวนหนึ่ง ส่วนระดับ 4 และ 5 นั้นมีอยู่ค่อนข้างน้อย
     แน่นอนว่าชีวิตในระดับ 4 และ 5 เป็นชีวิตที่สมบูรณ์พูนสุขและปราศจากเรื่องกังวลใดๆ ดังนั้นใครที่อยู่ในระดับนี้แล้ว ผมก็คงต้องกล่าวคำว่า “ยินดีด้วยครับ” โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในระดับ 4 ถ้าสามารถปรับเข้าสู่ระดับที่ 5 ได้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการปรับด้านความคิดที่มีต่อส่วนรวม สังคมของเราก็คงจะมีความสุขมากยิ่งขึ้น
     ส่วนผู้ที่อยู่ในระดับ 3 นั้น ชีวิตของคุณกำลังก้าวหน้า เปี่ยมด้วยความมั่นใจ เต็มไปด้วยความหวัง เหลือเพียงดำรงชีวิตภายใต้วินัยการเงิน รักษาความต่อเนื่อง คุณก็สามารถก้าวไปถึงความมั่งคั่งในระดับที่สูงขึ้นไปได้
     อันที่จริงแล้วชีวิตคนเรานั้นไม่จำเป็นที่จะต้องทุ่มเทเพื่อไปให้ถึงระดับ 4 และ 5 กันทุกคนหรอก สำหรับความคิดของผมนั้นแค่อยู่ในเกมการเงินระดับที่ 3 ภายใต้การมีความรู้ทางการเงินที่เหมาะสม ก็ถือว่าน่าจะเพียงพอแล้ว

     ทำไม? แค่ระดับที่ 2 ถึงไม่เพียงพอ
     ในความเป็นจริงการมีชีวิตอยู่แบบพอมีพอกิน เหลือใช้เหลือเก็บบ้าง ก็ถือได้ว่าเป็นชีวิตที่มีความสุขแล้ว แต่ถ้ามองให้ลึกลงไปในชีวิตของคนที่เล่นเกมการเงินในระดับที่ 2 ผ่านแว่นขยายชื่อ ‘เศรษฐกิจพอเพียง’ ตามแนวพระราชดำรัสในหลวง ซึ่งประกอบด้วย
     ‘ความมีเหตุผล’ ‘การรู้จักพอประมาณ’ และ ‘การมีภูมิคุ้มกัน’ ก็จะพบว่า ชีวิตในระดับที่ 2 นั้นไม่ได้มีเครื่องรับประกันอนาคตเลยว่า ความพออยู่พอกินนี้จะยังมีอยู่หรือไม่ หากสถานการณ์ต่างๆ เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะเมื่อถึงวัยเกษียณที่ไม่มีใครจ้างทำงานแล้ว
     ดังนั้นหากคนในกลุ่มระดับที่ 2 นี้รู้จักวิธีการบริหารจัดการเงิน วางแผนการเงิน จัดการความเสี่ยง รวมไปถึงการลงทุนเพื่อการเกษียณจากการทำงาน พวกเขาก็จะมี ‘ภูมิคุ้มกัน’ ที่พร้อมรับและเผชิญกับปัญหาต่างๆ ในอนาคต และทำให้มั่นใจได้ว่า ชีวิตจะมีความสุขไปได้ตลอด และอยู่ในสภาวะที่พร้อมจะขยับสู่ระดับที่ 3 4 และ 5 ที่มีความมั่นคงขึ้นได้
     ส่วนคนที่อยู่ในระดับที่ 1 งานของคุณอาจจะหนักกว่าคนอื่นๆ อยู่สักหน่อย แต่ก็ใช่ว่าจะไปถึงระดับที่มั่นคงไม่ได้ ขอเพียงอย่างเดียวคือ คุณมีความมุ่งมั่นอดทนและตั้งใจที่จะเป็นผู้ประสบความสำเร็จทางการเงินจริงๆ ก็พอ
     เพราะในโลกการเงินนั้น ทุกสิ่งเรียนรู้และพัฒนากันได้เสมอ...

ปรับองศาการเงินให้ถูกต้องตั้งแต่วันแรกที่เริ่มทำงาน

ว่ากันว่าคนเราแม้จะมีจุดเริ่มต้นเดียวกัน แต่หากมีวิธีคิดและปฏิบัติที่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อย เส้นทางชีวิตของพวกเขาก็จะเริ่มเบนออกห่างจากกัน เป็นสัดส่วนกับจำนวนรอบของเข็มนาฬิกาที่หมุนเวียนเปลี่ยนไป
     ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไร ความแตกต่างก็จะยิ่งชัดเจนมากเท่านั้น
     ต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงของลูกศิษย์ของผมสองคนที่เริ่มทำงานด้วยทุนในชีวิตที่เท่ากัน แต่มีองศาทางการเงินที่แตกต่าง
     นายเอ - ใช้ชีวิตของตัวเองเต็มพิกัด จับจ่ายเพื่อความสุขอย่างเต็มที่ เขาใช้สลิปเงินเดือนเปิดบัตรเครดิต 2 ใบ และสินเชื่อส่วนบุคคลอีก 1 รายการ ตั้งแต่สามเดือนแรกที่เริ่มต้นทำงาน
     เวลาผ่านไป 1 ปี เอแทบไม่มีเงินเหลือเก็บ โชคยังดีอยู่บ้างที่บริษัทช่วยหักเก็บเงินสะสมไว้ในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้ทุกเดือน ไม่อย่างนั้นเงินออมของเขาก็คงจะมีแต่ความว่างเปล่า
     นายบี - ตั้งปณิธานกับตัวเองว่า จะเก็บเงินให้ได้วันละ 80 บาทเพื่อสะสมไว้เผื่อใช้ฉุกเฉินและลงทุน เมื่อทำงานได้ครบ 6 เดือน เขาใช้สลิปเงินเดือนกู้ซื้อคอนโดขนาดย่อมราคา 300,000 บาท 3 หลัง เพื่อปล่อยให้เช่า ได้ส่วนต่างค่าเช่ากับเงินผ่อนเล็กๆ 3,000 บาทต่อเดือน เพิ่มเป็นรายได้ของตัวเอง
     1 ปี ผ่านไป บีมีเงินเก็บครึ่งแสน พร้อมกับทรัพย์สินให้เช่าอีก 3 แห่ง
     ผ่านพ้นปีที่ 5 ของการทำงาน แม้เงินเดือนจะเพิ่มขึ้น แต่เอก็ยังไม่มีเงินเก็บเหมือนเดิม บัตรทุกใบแทบเต็มวงเงิน จนต้องเปิดบัตรเพิ่ม แถมยังใช้โบนัสที่ได้ปลายปีดาวน์รถยนต์คันแรกให้ตัวเอง ทันทีที่ได้โปรโมชันจากรัฐบาลในยุคนั้น
     ในขณะที่บีมีทั้งเงินเก็บจากเงินเดือน โบนัส และส่วนต่างค่าเช่าร่วมๆ 400,000 บาท ในปลายปีที่ 5 นี้ บีตัดสินใจขายคอนโดทั้ง 3 ห้อง ได้กำไรจากส่วนต่างมาสมทบเพื่อลงทุนอีกเกือบ 300,000 บาท
     ด้วยตัวเลขในสลิปเงินเดือนที่เพิ่มขึ้น และเครดิตทางการเงินที่สั่งสมมา 5 ปี สร้างโอกาสให้บีลงทุนรอบใหม่อีกครั้งด้วยโมเดลเดิม แต่มูลค่าของทรัพย์สินเพิ่มขึ้น เขาใช้สลิปเงินเดือนกู้ซื้อบ้านเช่า 2 หลัง ราคาหลังละ 1 ล้านบาทเศษ เก็บค่าเช่าหักค่าผ่อนชำระธนาคารได้กำไรรวม 10,000 บาทต่อเดือน โดยที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุนของตัวเองเลย
     นอกจากนี้เงิน 80 บาทต่อวัน ที่ดูเหมือนเล็กน้อย ปัจจุบันเขาหักเก็บเพิ่มเป็น 100 บาทต่อวัน และนำไปลงทุนในกองทุนรวมหุ้นไว้ทุกเดือน โดยตั้งใจว่าจะใช้เป็นกองทุนสำหรับเกษียณอายุของตัวเอง
     จากจุดเริ่มต้นเดียวกัน ทรัพยากรเท่ากัน แค่การใช้ชีวิตที่ต่างกัน พาวิถีชีวิตทางการเงินของทั้งคู่เบนออกห่างจากกันอย่างสิ้นเชิง ที่น่าสนใจคือ อีก 5 ปีต่อจากนี้ เรื่องราวของทั้งสองคนจะเป็นอย่างไร?

     เรื่องเล่าในชีวิตจริงข้างต้นคือเครื่องยืนยันถึงความสำคัญของวิธีคิด หรือ Mindset ทางการเงินได้เป็นอย่างดี คนที่มีความรู้ทางการเงิน มีวิธีคิดที่ถูกต้อง รู้จักอดทนรอคอยความสำเร็จ ย่อมได้รับผลลัพธ์ในบั้นปลายที่น่าชื่นใจด้วยกันทั้งสิ้น ในขณะที่คนซึ่งมีวิธีคิดทางการเงินสะเปะสะปะ อยากรวย แต่รักสบาย ชิงใช้ชีวิตเหมือนคนรวยไปเสียก่อน ก็คงยากที่จะทำได้เหมือนกับที่บีทำ
     ทุกครั้งที่เดินสายไปบรรยายให้กับน้องๆ ว่าที่บัณฑิตใหม่ตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ผมมักจะบอกกับพวกเขาเสมอว่า “การใช้จ่ายเงินใน 10 ปีแรกของชีวิตการทำงาน คือตัวกำหนดอนาคตทางการเงินของคนเรา”
     ถ้า 10 ปีที่ว่านี้ ผ่านไปด้วยความว่างเปล่า ไม่ได้สะสมอะไรให้ตัวเองเลย ไม่ว่าจะเป็นความรู้ความสามารถในงาน ประสบการณ์ หรือความมั่งคั่ง คุณก็คงเดาชีวิตตัวเองในอีก 40-50 ปี ได้ไม่ยาก
     ตรงกันข้าม หากน้องๆ ใช้ช่วงเวลาสำคัญนี้ สร้างความรู้ สั่งสมประสบการณ์ และสะสมความมั่งคั่งไว้เป็นพื้นฐานอย่างเพียงพอ ชีวิตของน้องก็จะได้รับรางวัลที่คุ้มค่า และควรคู่กับความตั้งใจและความพยายามดีๆ กับชีวิต
     เริ่มให้ถูกต้อง ติดกระดุมเม็ดแรกให้ถูก ก้าวเดินด้วยความอดทน การตัดสินเรื่องใดๆ ในชีวิต ต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์และเมื่อน้องเดินมาไกลมากพอ น้องจะเริ่มเห็นองศาที่แตกต่าง
     เมื่อถึงวันนั้น น้องจะขอบคุณตัวเองที่คิดและเดินถูกต้องตั้งแต่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว

รังสรรค์ ต่อสุวรรณ: อาจารย์ สถาปนิก นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งของสังคมไทย (1)

เห็นข่าวกลุ่มเกษรเปิดตัว เกษรวิลเลจ เมื่อกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมาก็ทำให้รู้สึกใจหายบอกไม่ถูกที่ต่อไปจะไม่ได้เห็น อัมรินทร์พลาซ่า อย่างที่เคยเป็นอีกต่อไป เพราะมันถูกควบรวมไปเป็นหนึ่งในสามอาคารของเกษรวิลเลจไปเรียบร้อย
​     อัมรินทร์พลาซ่าถือเป็นหมุดหมายสำคัญของธุรกิจผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าและวงการสถาปัตยกรรมประเทศไทย และยังถือว่าเป็นอาคารที่สำคัญที่สุดอาคารหนึ่งในชีวิตการเป็นสถาปนิกของ รังสรรค์ ต่อสุวรรณ สถาปนิกที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งของวงการ
​     ภาพจำของคนทั่วไปที่มีต่องานออกแบบสถาปัตยกรรมของรังสรรค์คงหนีไม่พ้นงานสถาปัตยกรรมแบบโพสต์โมเดิร์นที่ใช้องค์ประกอบของสถาปัตยกรรมกรีกและโรมันมาใช้ในงานออกแบบสมัยใหม่ ศูนย์การค้าอัมรินทร์พลาซ่าที่สร้างเสร็จเมื่อปี 2527 คืองานออกแบบที่สร้างชื่อเสียงในวงสังคมทั่วไปให้กับ รังสรรค์ ต่อสุวรรณ มากที่สุด และก็เป็นผลงานที่ถูกวิจารณ์มากที่สุดเช่นกัน

ห้างสรรพสินค้าอัมรินทร์พลาซ่า แยกราชประสงค์ 

​     30 กว่าปีที่แล้ว ไม่มีใครในกรุงเทพฯ ไม่รู้จักอัมรินทร์พลาซ่าที่แยกราชประสงค์ ตอนเด็กๆ ผมเรียกห้างนี้ว่า ‘โซโก้’ ตามชื่อของห้างญี่ปุ่นที่เปิดอยู่สมัยนั้น เวลาจะกินแมคโดนัลด์ก็ต้องมาที่นี่ เพราะบรรยากาศดี และถือเป็นแมคฯ สาขาแรกของไทย นี่คือศูนย์การค้ายุคใหม่ที่มีรีเทล-ห้างสรรพสินค้า-เอเทรียม อยู่ด้วยกันในอาคารเดียว
​     รังสรรค์เคยให้สัมภาษณ์ไว้ในหนังสือ คุยกับสถาปนิกต้นแบบ ของสำนักพิมพ์ลายเส้น ถึงตอนที่ออกแบบศูนย์การค้านี้ว่า ตอนแรกเขาออกแบบออกมาเป็นสไตล์โมเดิร์น แต่พอเอาแบบไปเจรจาขายพื้นที่ล่วงหน้า ปรากฏว่าไม่มีใครเอาแบบนี้เลย ต้องรอให้สร้างเสร็จก่อนถึงจะซื้อ เขาพบว่าคนที่เรียนจบมาสูงมากๆ และนักธุรกิจใหญ่มักจะไม่มีเซนส์ด้านสถาปัตยกรรม พวกเขาดูแบบจากภาพ perspective ก็ไม่ค่อยจะเป็น ต้องรอดูจากของจริงเท่านั้น เลยต้องออกแบบใหม่ให้ออกมาแล้วคนทั่วไปเห็นแล้วรู้จัก เขามองว่าคนไทยส่วนมากยกย่องให้พระที่นั่งอนันตสมาคมเป็นสถาปัตยกรรมที่แสดงให้เห็นถึงความหรูหรา มีรสนิยมที่ดี เขาเลยดึงเอารูปแบบของสถาปัตยกรรมคลาสสิกมาใช้เป็นแนวทางในการออกแบบ
​     วันที่พรีเซนต์แบบให้กับเจ้าของโครงการดูนั้น ในที่ประชุมไม่มีใครพูดอะไรออกมา ยกเว้นลูกสาวเจ้าของโครงการที่ปฏิเสธไม่เอาแบบที่เขาพรีเซนต์โดยเด็ดขาด เธออยากได้อาคารที่โค้งๆ เหมือนห้างพันธ์ทิพย์พลาซ่าตรงประตูน้ำ ซึ่งรังสรรค์ก็ได้ตอบกลับไปว่าเขาสามารถออกแบบแบบที่ต้องการได้ ไม่มีปัญหา แต่คิดว่าคงขายไม่ออก เพราะตอนนั้นศูนย์การค้าอัมรินทร์ต้องการแข่งกับมาบุญครองพลาซ่าที่แยกปทุมวัน ซึ่งมาบุญครองพรีเซนต์ตัวเองว่าเป็นศูนย์การค้าที่ทำจากหินอ่อนทั้งหลัง แถมสเกลก็ใหญ่กว่า เขาพูดกับลูกสาวเจ้าของโครงการว่า “นี่คือธุรกิจ ไม่ได้สร้างบ้านให้คุณ แต่เขากำลังหาเงินให้ คนที่จะมาอยู่จริงๆ คือคนซื้อพื้นที่ ไม่ใช่พวกคุณ”
​     ภายหลังจากการประชุมกันครั้งนั้นก็ได้ข้อสรุปว่า รังสรรค์ต้องทำสัญญากับเจ้าของโครงการว่า ถ้าหากแบบที่เขาทำมาขายไม่ออก เขาจะต้องออกแบบให้ใหม่โดยไม่คิดค่าแบบแม้แต่บาทเดียว แถมด้วยข้อเสนอจากรังสรรค์ต่อลูกค้าว่า นอกจากจะออกแบบให้ใหม่โดยไม่คิดค่าแบบแล้ว แบบเก่าก็จะไม่เก็บเงินแม้แต่บาทเดียวเช่นกัน
​     อัมรินทร์พลาซ่าถือเป็นอาคารหลังแรกที่รังสรรค์ต้องทำหน้าที่เหมือนกับเซลล์ขายพื้นที่รีเทลส่วนพลาซ่าไปด้วย เขาต้องพบผู้ประกอบการเจ้าของร้านบูติกหลายราย เอาแบบไปเสนอ และน่าแปลกที่ทุกคนก็เชื่อว่าจะออกมาหรูหราอลังการ โครงการนี้ขายหมดใน 7 วัน เป็นโครงการแรกในประวัติศาสตร์ไทยที่จ่ายเงินดาวน์ 100% นอกจากเป็นเซลล์แล้ว เขายังช่วยดูแล cash flow ให้เสร็จอีกต่างหาก
​     ถึงแม้จะถูกใจผู้เช่าและเจ้าของเป็นอย่างมาก แต่ปรากฏว่าโครงการนี้ก็ถูกวิพากษ์ซะยับเยินจากบรรดาสถาปนิกผู้มีชื่อเสียงหลายคนที่อยู่ร่วมสมัยเดียวกับรังสรรค์ เรื่องหลักๆ ที่พวกเขาวิพากษ์กันก็คือ เรื่องความเหมาะสมของการเอาหัวเสากรีกโรมันมาใช้ในประเทศไทย การผสมผสานอาคารกระจกลักษณะโมเดิร์นด้านบนกับฐานที่มีลักษณะคลาสสิกมันออกมาเป็นเหมือนหัวมังกุท้ายมังกรอย่างไรอย่างนั้น และแม้แต่ข้อหาที่ร้ายแรงว่า เพราะอัมรินทร์พลาซ่านี่แหละที่ทำให้หน้าตาของโครงการอื่นๆ ที่ต้องการแสดงถึงความหรูหราก็มักจะหยิบเอาเสาโรมัน หน้าบัน รูปปั้นกรีกโรมันไปใช้กันแทบจะทุกโครงการ เกิดเป็นสถาปัตยกรรมแบบโพสต์อัมรินทร์พลาซ่าไปหมดทั้งในกรุงเทพฯ และลามไปถึงจังหวัดอื่นๆ อย่างถ้วนหน้า
​     รังสรรค์ ต่อสุวรรณ เกิดเมื่อปี 2482 โตมาที่ย่านสวนมะลิ สมัยเด็กไม่ชอบเรียนหนังสือ แต่หลงใหลนิยายภาพของจีนอย่าง สามก๊ก หานซิ่น ไม่ก็ จิ๋นซีฮ่องเต้ เลยฝึกวาดตามอย่างนิยายภาพพวกนี้ ชนะประกวดวาดภาพสีน้ำตอนเรียนมัธยมที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ด้วยเทคนิคระบายสีด้วยนิ้วแทนพู่กัน และได้รับการพูดถึงตั้งแต่ตอนเรียนคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ แล้วว่าเป็นนิสิตที่มีพรสวรรค์ในการเขียนภาพ perspective ชนิดหาตัวจับยาก เขาเริ่มงานสถาปนิกด้วยการเป็นผู้ช่วยอาจารย์ของตัวเอง กฤษฎา อรุณวงษ์ ณ อยุธยา ตั้งแต่เรียนอยู่ปี 3 จนเรียนจบที่จุฬาฯ และไปเรียนต่อปริญญาโทที่ MIT เมืองบอสตัน สหรัฐอเมริกา
 
รังสรรค์ ต่อสุวรรณ กับภาพ perspective โครงการ Sathorn Unique Tower
ถ่ายภาพโดย ปิยพงศ์ ภูมิจิตร
 
​     ช่วงเรียนปริญญาโทที่ MIT เขามีอาจารย์ที่ปรึกษาเป็นสถาปนิกชาวอาร์เจนตินาชื่อ เอดูอาร์โด คาตาลาโน (Eduardo Catalano) ที่สตูดิโอนี้นักศึกษาทุกคนต้องเรียนกันอย่างเข้มข้น ใครเรียนไม่ไหวจะถูกคัดออก และทุกคนต้องพร้อมที่จะนำเสนองานได้ทุกเวลาไม่ว่าจะตอนเที่ยงคืนหรือเที่ยงวัน นอกจากเรียนด้วยกันแล้ว คาตาลาโนยังดึงตัวเขาไปช่วยงานที่ออฟฟิศส่วนตัวตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ จนเขาไม่มีเวลาทำธีสิสของตัวเองเท่าไร อิทธิพลบางอย่างจากการได้เรียนและได้ทำงานกับคาตาลาโนน่าจะส่งผลบางอย่างในผลงานออกแบบช่วงแรกๆ หลังจากที่กลับมาประเทศไทยในปี 2510 งานของคาตาลาโนจะออกมาเป็นงานสถาปัตยกรรมที่ตัดทอนทุกอย่างที่เป็นแค่ของประดับตกแต่งออกไป บางทียังเอาออกกระทั่งแผงกันแดด

บริษัท กมลสุโกศล จำกัด
 
​     งานออกแบบสมัยที่เริ่มเปิดสำนักงานออกแบบขนาดเล็กของตัวเองไปพร้อมๆ กับเป็นอาจารย์ประจำที่คณะสถาปัตย์ จุฬาฯ ของรังสรรค์เป็นงานสถาปัตยกรรมคอนกรีตเปลือย รูปทรงและหน้าตาดูหนักแน่น ดุดัน แบบที่เราเรียกว่าสถาปัตยกรรมแนว Brutalism ตัวอย่างเช่น งานออกแบบบ้านของเขาเองแถวพระราม 3 อาคารสำนักงานและโรงงานมาสด้าที่ถนนวิภาวดี (ปัจจุบันคือสำนักงานใหญ่นครชัยแอร์) บริษัท กมลสุโกศล ที่ยศเส และอีกหนึ่งอาคารที่ผมชอบที่สุดในจุฬาฯ นั่นคืออาคารคณะสัตวแพทยศาสตร์ ที่อยู่ตรงถนนอังรีดูนังต์
 
อาคารโชคชัยอินเตอร์เนชั่นแนล ที่ออกแบบอาคารแบบกรุกระจกรอบนอกตามกระแสสถาปัตยกรรมสากลในยุคสมัยนั้น
แต่ก็ยังคงคำนึงถึงการวางผังอาคารตามสถาปัตยกรรมเขตร้อน
 
​     ปี 2512 โชคชัย บูลกุล เห็นช่องทางธุรกิจอาคารให้เช่า เป็นตึกสูงแบบที่มีการจัดวางระบบลิฟต์ โทรศัพท์ภายใน และระบบปรับอากาศ เขาลงทุนซื้อที่ดินย่านพร้อมพงษ์จำนวน 2 ไร่ครึ่ง และว่าจ้างรังสรรค์ให้รับหน้าที่ออกแบบอาคารสูงหลังนี้ขึ้น  โชคชัยเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าที่เขาเลือกรังสรรค์ เพราะหลายคนแนะนำมา และตอนนั้นรังสรรค์เพิ่งเรียนจบกลับมาใหม่ๆ กำลังไฟแรง ถึงแม้จะยังไม่เคยมีประสบการณ์ในการสร้างตึกสูงแบบนี้มาก่อน แต่ก็เชื่อมือว่ารังสรรค์น่าจะทำได้ และเขาก็ทำออกมาเป็นอาคารกรุกระจกรอบนอกตามกระแสสถาปัตยกรรมสากลในยุคสมัยนั้น โดยที่ยังคงคำนึงถึงการวางผังอาคารตามสถาปัตยกรรมเขตร้อน เพื่อประหยัดพลังงานภายใน เลยมีกระจกกรุรอบนอกอยู่แค่ส่วนหน้าอาคารเท่านั้น อาคารนี้คือ โชคชัยอินเตอร์เนชั่นแนล มีความสูง 26 ชั้น ในสมัยนั้นถือว่าเป็นอาคารที่สูงที่สุดในประเทศไทย ตอนนี้ก็คือ อาคารที่ด้านล่างมีธนาคารยูโอบี ริมถนนสุขุมวิทระหว่างซอย 24 กับ 26 นั่นเอง
 
คาแรกเตอร์ของงานสถาปัตยกรรมธนาคารกสิกรที่ดีไซน์มาจาก "รวงข้าว" ซึ่งเป็นโลโก้ของธนาคารกสิกรที่เราคุ้นตากันดี
 
​     หลังจากนั้นไม่นาน รังสรรค์มีโอกาสได้ออกแบบธนาคารกสิกรไทยอยู่หลายสาขา โจทย์ที่ได้รับจากประธานธนาคารกสิกรในสมัยนั้นก็คือ ให้ออกแบบสาขาธนาคารแต่ละแห่งให้มีเอกลักษณ์ แต่ละสาขาไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน แผงคอนกรีตที่ปรับรูปแบบมาจากโลโก้ของธนาคารที่เป็นรวงข้าวได้สร้างอัตลักษณ์ใหม่ให้กับธนาคารในสมัยนั้น จนกลายเป็นภาพจำสำหรับคนที่เข้ามาใช้บริการได้เป็นอย่างดี สาขาที่เราน่าจะคุ้นตาเพราะมีคาแรกเตอร์ของงานสถาปัตยกรรมบางอย่างร่วมกันก็อย่างเช่น สาขาสาทร สาขาสะพานเหลือง สาขาลาดพร้าว สาขาพระโขนง และสาขามหาชัย

 
"ระบบโครงสร้างลูกแก้ว" โครงสร้างบึกบึนผสานความอ่อนช้อยในแบบของรังสรรค์ 
 
​     ลักษณะโครงสร้างที่ดูบึกบึนแต่ก็อ่อนช้อย จากยอดสุดที่เป็นสี่เหลี่ยมค่อยๆ เปลี่ยนเป็นโค้งก่อนที่จะพลิ้วกลายเป็นเสา ที่เราเห็นในงานธนาคารกสิกรไทยสาขาต่างๆ หลายคนอาจจะมองว่าเหมือนแก้วไวน์ หรือว่าฟอร์มของต้นไม้ แต่รังสรรค์เรียกโครงสร้างนี้ว่า ระบบโครงสร้างลูกแก้ว โครงสร้างนี้ปรากฏต่อเนื่องอยู่ในงานช่วงหนึ่งของรังสรรค์ นั่นก็คือ โรงพยาบาลสมิติเวช ที่ซอยสุขุมวิท 49 โรงงานพิมพ์ผ้าไทปิงที่อยู่ท้ายซอยทองหล่อ และบ้านบุญนำทรัพย์ที่ถนนนางลิ้นจี่

โรงพยาบาลสมิติเวชที่รังสรรค์ออกแบบให้มีลักษณะเหมือนกับโรงแรมห้าดาว 
มีส่วนโถงขนาดใหญ่เหมือนล็อบบี้โรงแรม รวมไปถึงระเบียงห้องพักผู้ป่วยที่มีขนาดใหญ่ไว้สำหรับญาตินั่งกินข้าวเพื่อที่กลิ่นจะได้ไม่รบกวนผู้ป่วย  
 
​     โดยเฉพาะโรงพยาบาลสมิติเวช ที่สมัยนั้น บัญชา ล่ำซำ ประธานธนาคารกสิกรไทยเป็นผู้มอบหมายให้เขาออกแบบ โดยให้อิสระในการออกแบบค่อนข้างมาก รังสรรค์จัดการเปลี่ยนโฉมหน้าของโรงพยาบาลเอกชนในกรุงเทพฯ สมัยนั้นด้วยการออกแบบให้มีลักษณะเหมือนกับโรงแรมห้าดาว รูปแบบอาคารที่มีการจัดวางองค์ประกอบที่ดูประหลาด การปรับขยายส่วนโถงพักคอยให้มีขนาดใหญ่และสวยงามเหมือนล็อบบี้โรงแรม ห้องพักผู้ป่วยก็มีระเบียงขนาดใหญ่เตรียมไว้ให้ญาติผู้ป่วยที่มาเยี่ยมได้มีพื้นที่ไว้กินอาหาร เพื่อไม่ให้กลิ่นอาหารเข้าไปรบกวนผู้ป่วย และก็อย่างที่เดากันได้ว่า โปรเจกต์ที่มีคอนเซปต์แรงขนาดนี้ในสมัยนั้นย่อมจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากเหล่าแพทย์และพยาบาลที่ทำงานที่สมิติเวช เพราะถือว่าเป็นสภาพแวดล้อมที่แปลกเกินกว่าจะทำใจยอมรับกันได้ง่ายๆ

ธนาคารกสิกร สาขาสำนักงานใหญ่ รังสรรค์ออกแบบโดยใช้ระบบกระจกแบบ Curtain Wall
พร้อมทั้งมีลานขนาดหน้าอาคารขนาดใหญ่ ประดับประดาด้วยประติมากรรม 
ให้ความรู้สึกคล้ายกับอาคารสำนักงานระดับแนวหน้าของอเมริกาในสมัยนั้น
 
​     ปี 2524 หลังจาก บัญชา ล่ำซำ กลับจากดูงานที่สหรัฐอเมริกา เขาก็ได้นำความคิดที่จะสร้างอาคารกล่องกระจกที่กำลังได้รับความนิยมในสมัยนั้นมาสร้างอาคารสำนักงานใหญ่หลังใหม่ที่ถนนพหลโยธิน โดยมอบหมายให้รังสรรค์เป็นคนออกแบบอาคารหลังนี้ และถือเป็นอาคารหลังแรกของไทยที่ใช้ระบบกระจกแบบ Curtain Wall รวมทั้งมีการสร้างลานขนาดใหญ่หน้าอาคารและวางประติมากรรมขนาดใหญ่ไว้ด้านหน้าไม่ต่างจากอาคารสำนักงานระดับแนวหน้าของอเมริกาในสมัยนั้น อาคารนี้ก็โดนวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมในการใช้กระจก ที่สถาปนิกชื่อดังสมัยนั้นจะทักท้วงถึงแสงสะท้อนที่อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุรถชนกัน ความร้อนที่สะท้อนจะทำให้แถวนั้นยิ่งเกิดความร้อนระอุ หรือแม้แต่กระจกเหล่านั้นจะหล่นลงมาทับคนที่เดินผ่านตึกบ้าง สุดท้ายเจ้าของธนาคารก็เปลี่ยนสเปกระบบกระจกให้เป็นแบบที่ปลอดภัยที่สุดและแพงที่สุดเพื่อให้คงแบบตามที่รังสรรค์ได้ออกแบบเอาไว้ และเราก็ได้เห็นอาคารนี้ถูกใช้งานได้เป็นปกติจนถึงทุกวันนี้

​     หลังจากเป็นสถาปนิกและมีชื่อเสียงจากผลงานออกแบบมาหลายโครงการ ก็มาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ รังสรรค์ ต่อสุวรรณ เปลี่ยนมาเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างเต็มตัว
(อ่านต่อตอนต่อไป)

ภาพตึกที่ออกแบบโดยรังสรรค์ ต่อสุวรรณ: Pansit Torsuwan
ภาพประกอบ: Karin Foxx

ผู้สนับสนุนโฆษณาโดย


 
Blogger Templates