Social Icons

วันพฤหัสบดีที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2562

ผู้สมัคร ส.ส.พลังประชารัฐ ปลุกเลิกวาทกรรม หันมาใส่ใจนโยบายสตรี

ผู้สมัคร ส.ส.พลังประชารัฐ ปลุกเลิกวาทกรรม หันมาใส่ใจนโยบายสตรี

พลังประชารัฐ “ธนิกานต์” ปลุกเลิกวาทกรรมการเมือง หันมาใส่ใจนโยบายสตรี ผุดไอเดีย “บางกอก เอสโอเอส” แอปรวบรวมเอาทุกหน่วยงานฉุกเฉิน จัดเต็มนโยบายเพื่อคุณภาพชีวิตผู้หญิงในทุกด้าน 
วันที่ 14 มี.ค. ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ และประธานคณะกรรมการนโยบายสตรี ผู้สมัคร ส.ส. เขตบางซื่อ-ดุสิต เบอร์ 4 เปิดเผยว่า สำหรับนโยบายพรรคเรื่องสตรี เห็นว่า เรื่องผู้หญิงมีความสำคัญมาก ประชากรผู้หญิงในประเทศไทยมีถึง 51% เราจึงต้องมีนโยบายเพื่อดูแลผู้หญิงโดยเฉพาะ ซึ่งหนึ่งในนโยบายที่ดีมากของพรรคพลังประชารัฐ ที่ช่วยเหลือด้านครอบครัวก็คือ ด้านสุขภาพ ทั้งสุขภาพของแม่ และสุขภาพของเด็กในครรภ์ เพื่อให้ผู้หญิงมีทางเลือกให้มากที่สุด โดยสามารถเลือกที่จะทำงานไปด้วยในระหว่างตั้งครรภ์ โดยที่รัฐสนับสนุนเงินตั้งแต่ท้องจนถึง 6 ขวบ คือ ตั้งแต่ตั้งครรภ์รับเดือนละ 3,000 บาท ค่าคลอด 10,000 บาท และค่าดูแลเด็กหลังคลอดอีกเดือนละ 2,000 บาท นี่คือการลงทุนในมนุษย์
ทั้งนี้ มีงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ชี้ว่า ช่วงอายุ 0-6 ขวบ คือช่วงเวลาสำคัญที่สุดในพัฒนาการของมนุษย์ ถ้าแม่มีสุขภาพที่ดีระหว่างตั้งครรภ์ ปัญหาสุขภาพของเด็กก็จะไม่เกิดขึ้น หรือน้อยลง เด็กที่ได้รับสารอาหารเพียงพอ จะมีพัฒนาการที่ดี และทำให้ผลการเรียนรู้ดีขึ้นอีกด้วย
ขณะที่ความปลอดภัยของผู้หญิงต้องใส่ใจ โดยเฉพาะเวลาเลิกงานกลับบ้านกลางคืน การเดินทาง ปัญหาซอยมืด ซอยเปลี่ยว ส่งผลคุณภาพชีวิตแย่ ไม่มั่นคงในชีวิต ใช้ชีวิตท่ามกลางความหวาดระแวง พรรคพลังประชารัฐใส่ใจเรื่องนี้ที่สุด เราจึงมีชุดนโยบาย เรื่อง ปลอดภัยใกล้ตัว โดยเราจะเพิ่มแสงสว่าง และเพิ่มเรื่องซีซีทีวี เชื่อมต่อกล้องวงจรปิดทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งระบุพิกัดตำแหน่งอัตโนมัติได้ทุกที่ เราจะมีแอปพลิเคชันชื่อว่า “บางกอก เอสโอเอส” ซึ่งเป็นแอปที่รวบรวมเอาทุกหน่วยงานฉุกเฉินตั้งแต่ ตำรวจ รถพยาบาล รถดับเพลิง กู้ภัย และอาสาที่ใกล้จุดเกิดเหตุที่สุด เพียงเปิดแอปทิ้งไว้ เมื่อเราต้องเดินทางไปในที่เปลี่ยว หรือใช้บริการรถสาธารณะคนเดียว เพียงกดปุ่มเท่านั้น จะสามารถระบุตำแหน่งที่เกิดเหตุผ่านจีพีเอสได้เลย ตำรวจ หรือสองล้ออาสาฝ่าฉุกเฉินในโครงการของเรา จะสามารถมาถึงที่เกิดเหตุได้ภายในไม่เกิน 5 นาที โดยเราจะเป็นแม่งานรวบรวมหน่วยงานทั้งภาครัฐ อาสา และมูลนิธิต่างๆ มาช่วยกัน 
ซึ่งนโยบายต่างๆ "ทั้งหมดเหล่านี้คิดขึ้นเพื่อช่วยเรื่องความปลอดภัยของผู้หญิงส่วนหนึ่ง แต่ยังไม่พอ ตัวผู้หญิงเองอาจต้องกล้าและลุกขึ้นมาพูด หรืออย่างน้อยแจ้งความ เพราะจากสถิติองค์กรเพื่อสตรีแห่งสหประชาติ (UN Women) 80% ของผู้หญิงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อเกิดเหตุขึ้น กลับไม่กล้าแจ้งความ หรือบอกใคร สิ่งที่เราจะผลักดัน คือ การเปลี่ยนระบบยุติธรรม และสังคม โดยการเพิ่มระบบความปลอดภัยเพื่อผู้หญิงให้มากขึ้น เราคิดว่าทุกสถานีตำรวจควรจะมีเจ้าหน้าที่ผู้หญิงอย่างน้อย 1 คน และมีห้องส่วนตัวเพื่อรับแจ้งความกรณีเหล่านี้ด้วย เพื่อความสบายใจ และรู้สึกปลอดภัยของผู้หญิงเอง ควรหยุดวาทกรรมประชาธิปไตย แล้วหันมาให้ความใส่ใจนโยบายของผู้หญิงสักที" น.ส.ธณิกานต์ กล่าว.

"ไทยศรีวิไลย์" ลั่นไม่หนุ่น "บิ๊กตู่" ขอโอกาสไล่ล่าคนโกง ตรวจสอบทุจริต

"ไทยศรีวิไลย์" ลั่นไม่หนุ่น "บิ๊กตู่" ขอโอกาสไล่ล่าคนโกง ตรวจสอบทุจริต
"มงคลกิตติ์" ลั่นไม่หนุน "ประยุทธ์" เป็นนายกฯ เชื่อไร้ความสามารถทางเศรษฐกิจ พร้อมประกาศไม่จับมือคนมีคดี คนหนีไปต่างประเทศ อ้อนขอโอกาส "ไทยศรีวิไลย์" ไล่ล่าคนโกง ตรวจสอบทุจริต เตรียมเปิดปราศรัยใหญ่ก่อนเลือกตั้ง 21 มี.ค.นี้ ที่ลานคนเมือง...
เมื่อวันที่ 14 มี.ค.62 ที่โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมสมาชิกพรรคไทยศรีวิไลย์ ร่วมประกาศจุดยืนทางการเมืองของพรรคไทยศรีวิไลย์ โดยก่อนการประกาศจุดยืนนายมงคลกิตติ์ ได้นำสมาชิกพรรคถวายสัตย์ต่อหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์องค์พระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และ พระแสงดาบจำลองพระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พร้อมทั้งได้ปฏิญาณตนว่า จะจงรักภักดี ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ จะร่วมกันปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างเด็ดขาด พร้อมนำนักโทษคดีทุจริตกลับมาลงโทษและใช้หนี้ความเสียหายและจะร่วมกันสร้างความผาสุขให้แก่อาณาประชาราษฏร์ มีความปรองดอง เพื่อให้ราชอาณาจักรไทยก้าวเข้าสู่แดนศิวิไลซ์โดยแท้จริง
จากนั้นนายมงคลกิตติ์ เปิดเผยว่า พรรคไทยศรีวิไลย์ จะไม่จับมือกับพรรคหรือบุคคลกลุ่มใดที่อ้างตนเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ทั้งที่ศาลฎีกามีคำสั่งจำคุกแล้วหลบหนีไปต่างประเทศ รวมถึงไม่จับมือกับกลุ่มที่ทำการเผาเมือง และจะตามล่าให้กลับมารับโทษจำคุกให้เป็นเยี่ยงอย่างให้ได้ในทุกวิถีทาง และจะตามยึดทรัพย์คนโกงให้ได้ ซึ่งทางพรรคพร้อมดึงพันธมิตรการเมืองที่สามารถทำตามนโยบาย 10 ข้อของพรรค เพื่อแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้
“ยืนยันว่าพรรคไม่เคยทำให้ประเทศไทยเสียหาย มีแต่ปกป้องผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนมากว่า 10 ปี ต่างจากพรรคการเมืองหลายพรรคที่จัดตั้งมาก่อนหน้านี้ ที่มีการทุจริตคอร์รัปชั่น หนีคดีไปต่างประเทศ ทำให้ประเทศเสียหาย สร้างหนี้ สาธารณะกว่า 6.7 ล้านล้านบาท สร้างหนี้ประชาชนกว่า 12.7 ล้านล้านบาท และขอย้ำว่าพรรคไทยศรีวิไลย์ จะไม่ร่วมกับคนที่เคยโกงชาติเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นเผด็จการนายทุน เผด็จการอดีตนายทหาร และไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เพราะไม่มีความสามารถทางเศรษฐกิจ และหากหมดอำนาจเชื่อว่าคดีทุจริตจะถูกเปิดเผย แต่พรรคไทยศรีวิไลย์จะจับมือกับคนที่ไม่มีคดีทุจริต หากพรรคใดมีคนดี 60% ก็ให้นำผู้ที่มีคดีออกไปก่อน ทางพรรคจึงจะร่วมงานด้วยได้ หากเป็นฝ่ายค้านก็พร้อมที่จะตรวจสอบโครงการต่างๆ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชนให้ได้มากที่สุด”หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์กล่าว
นายมงคลกิตติ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ พรรคไทยศรีวิไลย์จะไม่ร่วมงานกับพรรคหรือบุคคลกลุ่มใด ที่สืบทอดอำนาจด้วยวิธีไม่สุจริตและมีคดีทุจริตที่รอการชี้มูลจาก คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ซึ่งพรรคไทยศรีวิไลย์เป็นพรรคการเมืองที่อยู่ภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งทางพรรคพร้อมแล้วในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จึงอยากให้ประชาชนที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกพรรคไหนให้เลือกพรรคไทยศรีวิไลย์ ไว้ใจเรา เชื่อมันเรา ซึ่งเรามั่นใจว่าพรรคสามารถทำได้
ขณะเดียวกัน ต้องการให้ ป.ป.ช. เร่งชี้มูลความผิดของนักการเมืองที่มีพฤติกรรมคดโกงอีกกว่า 300 ราย โดยขอชี้มูลก่อนเลือกตั้ง เพื่อที่ประชาชนจะได้ไม่ต้องเลือกคนเหล่านี้มาโกงต่อ และไม่ว่าจะเป็นทางหลักหรือทางรอง พรรคไทยศรีวิไลย์ขอยืนยันว่าจะทำประโยชน์แก่พี่น้องประชาชนอย่างถึงที่สุด ส่วนการหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งนั้น พรรคไทยศรีวิไลย์เตรียมปราศรัยใหญ่ที่ ลานคนเมือง กทม. ในวันที่ 21 มี.ค.นี้.

แห่จับกุ้งปล่อย กรมประมง "ก้ามกราม" โลละ 800 รสชาติอร่อย

แห่จับกุ้งปล่อย กรมประมง "ก้ามกราม" โลละ 800 รสชาติอร่อย
ชาวบ้านที่อ่างทอง ว่างจากทำนาก็มาวางตาข่ายจับกุ้งก้ามกรามในคลองขาย สร้างรายได้เสริมอย่างงาม หลังกรมประมงนำพันธุ์มาปล่อยให้หากินในแหล่งน้ำธรรมชาติ ตัวโตเป็นที่ต้องการของตลาด รสชาติอร่อย  
วันที่ 14 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านจำนวนมาก ได้ทำประมง วางตาข่ายจับกุ้งก้ามกราม สร้างรายได้เสริมอย่างงาม ในคลองสีบัวทอง ตำบลสีบัวทอง อำเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง หลังกรมประมงนำมาปล่อยในแหล่งน้ำในคลองสีบัวซึ่งเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติ มีชาวบ้านได้วางตาข่ายหาปลา ได้กุ้งก้ามกราม เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาด นำไปใช้ปรุงเป็นอาหารได้หลากหลาย เช่น ต้มยำ เผา หรือทอด ขายให้ลูกค้า รสชาติสีสันน่ารับประทาน
นายสงบ ชื่นกลิ่น อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 119/1 หมู่ 3 ตำบลสีบัวทอง เผยว้่ ตนเอง ได้ลงวางตาข่ายขนาด 7 เชนติเมตร ดักปลาและกุ้งในคลองสีบัวทอง จะได้ทั้งกุ้งและปลา ส่วนกุ้งก้ามกราม ที่ติดตาข่ายนั้นตัวขนาดใหญ่ จะมีน้ำหนัก 6-7 ตัว 1 กิโลกรัม ติดตาข่ายวันละ 5-6 ตัว หรือบางวันก็ได้กว่า 10 กว่า ตัว นำไปขาย ในราคากิโลกรัมละ 800 บาท ร้านอาหารที่จังหวัดสิงห์บุรีจะมีร้านที่รับซื้อเป็นเจ้าประจำอยู่ เป็นการสร้างรายได้เสริมหลังจากการทำนา อย่างงาม ส่วนปลาก็นำไปทำอาหารรับประทานในครอบครัว
ด้าน นายวรวิทย์ คงขำ หัวหน้ากลุ่มบริหารจัดการด้านการประมง กล่าวว่า กุ้งก้ามกรามในคลองสีบัวทองที่มีอยู่เป็นจำนวนมากหลังจากทางกรมประมงได้นำมาปล่อยไว้ในคลองให้ชาวบ้านได้หานำไปกินไปขายสร้างรายได้
"กุ้งก้ามกรามเป็นสัตว์น้ำจืดที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาด กุ้งก้ามกราม ที่จับได้จากแม่น้ำตามธรรมชาติ มีรสชาติน่ารับประทาน"
ทั้งนี้ ปกติแล้ว กุ้งก้ามกราม จะพบได้ในแหล่งน้ำจืดที่มีเขตติดต่อกับทะเล และเป็นแหล่งน้ำกร่อย เนื่องจากกุ้งก้ามกรามจะมีอยู่ช่วงชีวิตเจริญเติบโตในน้ำกร่อยแล้วไปโตที่บริเวณน้ำจืด แต่น้ำในคลองสีบัวทองนั้นไม่มีพื้นที่ติดต่อกับทะเล ต้องใช้การปล่อยกุ้งก้ามกรามจากทางกรมประมง เพื่อให้ชาวบ้านได้สร้างรายได้ในการจับกุ้งไปขายสร้างรายได้ต่อไป

ผู้สนับสนุนโฆษณาโดย


 
Blogger Templates