Social Icons

วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

3 หลักการออมง่ายๆ ที่ช่วยสร้างความมั่งคั่ง

 ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ทำงานมาแล้วหลายปี แต่แทบไม่มีเงินเก็บเลย วันนี้ผมมีหลักการง่ายๆ ที่ไม่ต้องอาศัยวินัยการเงินขั้นสูง มาเป็นตัวช่วยพวกเราทุกคน ให้สามารถเก็บออมเงินได้ในแบบที่ตั้งใจกันครับ
     หลักการที่ถูกต้องสำหรับการออมเพื่อสร้างความมั่งคั่ง ประกอบด้วยหลักการง่ายๆ 3 ข้อ ดังนี้
    1) เก็บออมเป็นประจำ ขั้นต่ำ 10% ของรายรับ
     การออมที่เหมาะสมนั้น ต้องไม่มากเกินไป จนเป็นภาระ และก็ต้องไม่น้อยเกินไป จนยากที่จะบรรลุเป้าหมายทางการเงิน โดยส่วนตัวผมอาศัยแนวคิดจากหนังสือเล่มโปรดของตัวเองสมัยเรียน นั่นคือ The Richest Man in Babylon ของ George S. Clason ที่ว่า
     “หากต้องการมั่งคั่ง คนเราต้องออมให้ได้อย่างน้อย 1 ใน 10 ส่วนของทรัพย์สินที่หามาได้”
     ซึ่งสัดส่วนการออมดังกล่าว ก็ไปตรงกันพอดีกับงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่บอกว่า คนที่มีชีวิตพอมีพอกิน ไม่ลำบากในวัยหลังเกษียณ มักมีอุปนิสัยรักการออม และสัดส่วนเงินออมของพวกเขา ก็คือ 10% ของรายได้ (ถ้าได้ถึงระดับ 20% ยิ่งดี) จากนั้นก็ค่อยๆ เพิ่มปริมาณการออมให้มากขึ้น ตามอายุและรายได้ที่เพิ่มขึ้น
     ผลการสำรวจจากงานวิจัยเดียวกันยังบอกอีกว่า ‘คนจน’ หรือคนที่เงินขาดมือ มักจ่ายให้ทุกคน แต่ไม่จ่ายให้ตัวเอง และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้พวกเขายังคงจนต่อไป
     สำหรับคนที่ทุกวันนี้อาจยังมีภาระหนี้ที่ต้องผ่อนชำระหนักมือ ผมก็ยังแนะนำให้เก็บออมนะครับ แต่อาจไม่ต้องถึงระดับ 10% ก็ได้ ถ้าเป็นหนี้อยู่
     การเริ่มออมสัก 3% ก็เป็นตัวเลขที่ดีสำหรับการเริ่มต้นครับ หัวใจสำคัญของหลักคิดนี้ก็คือ อย่าให้เงินที่หามาได้กับทุกๆ คน ยกเว้นตัวเองเป็นอันขาด และถ้าจะให้ดีจงจ่ายให้ตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก (Pay Yourself First)
    2) การออมให้เป็นอัตโนมัติ
     นี่คือหลักคิดที่จะช่วยคุณเอาชนะปัญหาด้านวินัยการเงินของตัวเอง หลักการง่ายๆ ของวิธีดังกล่าวก็คือ “เงินที่เรามองไม่เห็น คือ เงินที่เราไม่มีโอกาสได้ใช้” หลักการนี้เป็นหลักการเดียวกันกับการหักภาษี หักเงินสะสมเข้ากองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ก่อนที่คุณจะได้รับเงินเดือนนั่นเอง
     วิธีการก็คือ ให้คุณติดต่อกับธนาคารเจ้าของบัญชีเงินเดือนของคุณ ให้ช่วยหักเงินออม 10% ของรายได้ก่อนหักภาษี ไปยังบัญชีเงินฝากที่เปิดใหม่เพื่อการออมทรัพย์โดยเฉพาะ ทำอย่างนี้เป็นประจำทุกเดือน ณ วันที่เงินเดือนออก ที่สำคัญห้ามเบิกเงินในบัญชีดังกล่าวมาใช้โดยเด็ดขาด (การไม่ทำ ATM สำหรับบัญชีดังกล่าว ก็ถือเป็นการดีครับ)
     เมื่อหักเงินออมไปแล้ว เงินที่เหลือในบัญชีเงินเดือนทั้งหมด คุณก็สามารถใช้จ่ายได้โดยไม่ต้องกังวล เพราะไม่ว่าอย่างไร คุณก็มีเงินออมในแต่ละเดือน เป็นจำนวนที่แน่นอนแล้ว
     สำหรับท่านที่ยังไม่รู้เรื่องการลงทุน ผมแนะนำให้หักเงินออมไปเก็บไว้ในบัญชีเงินฝากก่อนนะครับ เอาไว้รู้เรื่องการลงทุนอีกนิดค่อยเขยิบหาที่เพิ่มดอกผลจากการออม
     สำหรับอัตราการเก็บออมนั้น เบื้องต้นคือ 10% แต่หากทางหน่วยงานของคุณมีการหักเงินเข้ากองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอยู่แล้ว คุณก็อาจปรับลดอัตราการออมเพิ่มในส่วนของตัวเองลง ให้ผสมกันพอดีได้ 10% หรือจะไม่สนใจ เก็บเพิ่มอีก 10% ต่างหากไป ก็ไม่ถือว่าผิดกติกาแต่อย่างใดครับ
    3) ลงมือทำเดี๋ยวนี้
     การเฝ้าดู หรือรอดูคนอื่นทำ ไม่มีทางทำให้เราร่ำรวยขึ้นมาได้ครับ ดังนั้น มันต้องเริ่มต้นทันที ตั้งแต่วันนี้เลยนะครับ (อ่านจบ ทำเลย) ยิ่งในปัจจุบัน เป็นยุคที่บริการตัดบัญชีนั้น ทำได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น ยิ่งใครสมัคร Internet Banking ก็ยิ่งง่าย ท่านสามารถตั้งการตัดเงินจากบัญชีหนึ่งไปยังบัญชีหนึ่ง โดยกำหนดวัน-เวลาล่วงหน้าได้เลย เพียงเสียเวลาเริ่มต้นสักนิดหน่อย ที่เหลือก็ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปโดยอัตโนมัติ
     แม้ว่าเรื่องที่ผมเล่าให้ฟังในวันนี้ อาจดูไม่เหมือน “เคล็ดลับ”สักเท่าไหร่ เพราะจะว่าไปคนส่วนใหญ่ก็น่าจะพอรู้วิธีการที่ผมเล่าให้ฟังในวันนี้กันแทบทั้งนั้น แต่ก็อย่างว่าแหละครับ …
     “เคล็ดลับอาจไม่ใช่เรื่องที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ แต่มักเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่รู้ แต่ไม่ทำมันมากกว่า”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้สนับสนุนโฆษณาโดย


 
Blogger Templates