บรรยากาศของดวงอาทิตย์ที่มีชื่อว่า โคโรนา (corona) นั้นแผ่ออกไปโดยรอบดวงอาทิตย์นับล้านกิโลเมตร มีอุณหภูมิสูง 1-2 ล้านองศาเซลเซียส ในขณะที่พื้นผิวดวงอาทิตย์กลับมีอุณหภูมิเพียง 5,500 องศาเซลเซียสเท่านั้น
นอกจากนี้นักฟิสิกส์ยังพบว่า ลมสุริยะ ซึ่งเป็นอนุภาคมีประจุไฟฟ้าปริมาณมหาศาลที่พุ่งออกมาจากดวงอาทิตย์อยู่ตลอดเวลานั้น บางส่วนมีการเร่งความเร็วขึ้นอย่างเป็นปริศนา (solar wind acceleration)
กล่าวได้ว่าตอนนี้นักฟิสิกส์ต้องการข้อมูลเรื่องชั้นบรรยากาศของดวงอาทิตย์และกระแสอนุภาคที่พุ่งออกมาจากดวงอาทิตย์มาเติมเต็มความเข้าใจสภาพแวดล้อมรอบๆ ดวงอาทิตย์อย่างมาก
ดังนั้นข้อมูลสภาพแวดล้อมรอบๆ ดวงอาทิตย์จะนำมาซึ่งการพัฒนาดาวเทียม พัฒนาส่วนป้องกันรังสีของเครื่องบินโดยสาร เพิ่มความปลอดภัยให้กับนักบินอวกาศ รวมทั้งปรับปรุงโครงสร้างที่เกี่ยวกับโรงไฟฟ้าให้มีความปลอดภัยยิ่งขึ้น
Photo: solarprobe.jhuapl.edu
องค์การนาซาจึงเตรียมการส่งยาน โซลาร์โพรบพลัส (Solar Probe Plus) ภายในกลางปี ค.ศ. 2018 เพื่อเดินทางไปสำรวจดวงอาทิตย์ในระยะใกล้อย่างที่ไม่เคยมียานอวกาศลำไหนทำมาก่อน ยานลำนี้จะโคจรรอบดวงอาทิตย์ 24 รอบ รวมระยะเวลาการทำภารกิจทั้งสิ้นเกือบ 7 ปี เข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดที่ระยะห่างเพียง 6.16 ล้านกิโลเมตร เพื่อเก็บข้อมูลการเร่งความเร็วของลมสุริยะจากความเร็วต่ำๆ ไปยังความเร็วสูง เก็บข้อมูลการไหลของพลังงานที่ทำให้บรรยากาศชั้นโคโรนาร้อนจัด รวมทั้งศึกษาสนามแม่เหล็ก พลาสมา และกลไกต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับลมสุริยะด้วย
ยานอวกาศลำนี้กว้าง 1 เมตร สูง 3 เมตร มีน้ำหนักบนโลก 610 กิโลกรัม
เกราะป้องกันความร้อนเป็นคาร์บอนคอมโพสิตเคลือบเซรามิกแบบสะท้อนแสงมีความหนาถึง 11.43 เซนติเมตร สามารถทนความอุณหภูมิสูงถึง 1,377 องศาเซลเซียส บริเวณที่อยู่ใกล้กับดวงอาทิตย์ได้ โดยมันจะป้องกันไม่ให้อุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ได้รับความร้อนจากดวงอาทิตย์โดยตรง
ไม่เพียงเท่านั้น วิศวกรยังต้องออกแบบเกราะให้ทนต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิด้วย เพราะขณะที่ยานโคจรห่างจากดวงอาทิตย์ออกมา อุณหภูมิยานอวกาศจะต่ำลงอย่างมาก อีกทั้งในระหว่างที่โคจรยังต้องปะทะกับอุกกาบาตขนาดเล็กจิ๋วที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงมากๆ ด้วย
การออกแบบระบบการส่งสัญญาณกลับมายังโลกก็เป็นงานที่ท้าทาย เพราะดวงอาทิตย์มีการปลดปล่อยมวลมหาศาลออกมาจากการปะทุบนพื้นผิวได้อย่างรุนแรง
ความรู้พื้นฐานที่ยานอวกาศลำนี้ได้มาน่าจะช่วยให้ในอนาคตอันใกล้ เราอาจมีระบบป้องกันดาวเทียมจากลมสุริยะได้ดี และในอนาคตระยะไกลมนุษย์เราคงสบายใจที่จะเดินทางไปในอวกาศได้อย่างปลอดภัย
อ้างอิง:
- solarprobe.jhuapl.edu
- www.popsci.com/nasa-solar-probe-2018#page-9
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น